เกือบเจ๊งสู่รุ่งเรือง! เปิดชีวิตคุยธุรกิจกับ “โกดำ-ไชยา ระพือพล”แห่งพัชทรีทัวร์ ฟื้นท่องเที่ยว “ภูเก็ต”

โดย ศิริลักษณ์ หาพันธ์นา
ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.prachachat.net

กลายเป็นกระเเสข่าวฮือฮา เมื่อเอกชนเจ้าดังอย่าง “พัชทรีทัวร์ กรุ๊ป” ประกาศปฎิวัติวงการท่องเที่ยวเมืองใหญ่อย่าง “ภูเก็ต” ด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับโครงการสุดเจ๋ง “ริสเเบนด์ฝัง GPS” ดูเเลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พร้อมพ่วงประกันชีวิต ราคาเบาๆเพียง 40 บาท แต่ได้วงเงินประกันถึง 1 ล้านบาท โดยจะเริ่มสตาร์ทใช้จริงช่วงปีใหม่นี้ นับเป็นการยกระดับภาคการท่องเที่ยวสู่ 4.0 ที่น่าจับตามองยิ่ง

เเต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ ความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ “ จับเข่าคุยกับ “โกดำ” หรือ “ไชยา ระพือพล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัชทรีทัวร์ กรุ๊ป เเม่ทัพธุรกิจบริษัทเรือทัวร์ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต กับประสบการณ์มากกว่า 30 ปีบนเส้นทางสายธุรกิจท่องเที่ยว…ที่เกือบต้องเจ๊ง ก่อนพลิกกลับมาผงาด ฟังทิศทางธุรกิจเเละหลักยึดในการทำงาน เเละความคืบหน้าของริสเเบนด์ท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่เเค่ภูเก็ต เเต่ต้องขยายไปทั่วประเทศ

“โกดำ” เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจของเขาว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเริ่มธุรกิจจากเรือนำเที่ยวขนาดเล็กเพียง 2 ลำ ตอนนั้นยังเป็นหนุ่มเเน่นวัย 20 ปลายๆ เเต่เหมือนโชคชะตากลั่นเเกล้ง เมื่อกิจการกำลังพออยู่ได้ ก็ต้องเจอมรสุมชีวิตอย่างหนักหลังคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่ม เมื่อปี 2547

ไม่มีเงิน…มีเเต่ปัญหา เขาคิดจะเลิกธุรกิจนี้เพราะได้รับความเสียหายอย่างมาก เรือเหลือใช้งานได้เพียงลำเดียว อีกทั้งยังต้องซ่อมเเซมเเละมีค่าใช้จ่ายมหาศาล

เเต่เมื่อยังมองเห็นโอกาสธุรกิจท่องเที่ยวของภูเก็ตที่ยังไปได้อีกไกล เพียงเเต่ต้องใช้เวลาฟื้นฟูเเละสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวเท่านั้น เขากลับมาฮึดสู้อีกครั้งพร้อมพลังใจครั้งใหม่ เเม้เเทบไม่มีเงินทุนหลงเหลืออยู่ก็ตาม

โดยเงินทุนก้อนเเรกที่ช่วยพลิกชีวิตเเละสร้างธุรกิจของ “โกดำ” ให้กลับมาสดใสอีกครั้งนั้นคือ สินเชื่อจากธนาคารพัฒนารัฐวิสาหกิจขนาดกลางเเละขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.หรือ SME Development Bank) มูลค่า 500,000 บาท เพื่อฟื้นฟูธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ ที่เป็นเสมือนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยใช้เวลาหลายปีกว่าจะกลับมาเข้าทีเข้าทางอีกครั้ง

“เงินห้าเเสนสมัยนั้น เราว่าเยอะมากเเละหายากมากในยามลำบาก ตอนนั้นยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะทำต่อ หลังเกิดสึนามิประมาณอาทิตย์หนึ่ง ใจไม่ดีเลยไปเกาะสมุย ไปนอนพักสักคืน เเต่ทนนอนไปถึงตีสอง ต้องเช็กเอาท์ขับรถกลับภูเก็ต เพราะหัวใจมันอยู่ภูเก็ต ในใจคิดฉันต้องทำต่อ ยังเหลือเรืออยู่หนึ่งลำ ต้องอยู่ต่อให้ได้ จากนั้นใช้เวลาประมาณ 6 เดือนก็เริ่มเเก้ปัญหาได้ ต่อมาก็กูู้เพิ่มเเละมีกำไรด้วย ตอนนั้นคิดว่าเราเหนื่อยเเล้ว เเต่ยังมีคนอีกมากที่เหนื่อยกว่าเรา เพราะฉะนั้นอย่าท้อ”

โดยบริษัท พัชทรีทัวร์ กรุ๊ป จำกัด ดำเนินกิจการทัวร์มาครบ 20 ปีแล้ว ปัจจุบันเป็นบริษัทเรือทัวร์ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต มีเส้นทางเดินเรือในพื้นที่อ่าวพังงา เน้นการท่องเที่ยวแบบอีโคทัวรริซึ่มพร้อมแพ็กเกจทัวร์แบบเหมาลำวันเดียวไป-กลับ และรองรับเรือครุยส์ ซึ่งมีทั้งสปีดโบ๊ต เรือทัวร์ใหญ่ เรือยอชต์ และรถรับส่งนักท่องเที่ยว ทำให้เป็นที่ยอมรับจากเอเย่นต์ทัวร์ทั้งภายในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครือทำธุรกิจรับแลกเงิน และติดตั้งอุปกรณ์เครื่องติดตามเรืออีกด้วย

เเละเมื่อกรมธนารักษ์พลิกโฉมพัฒนาท่าเรือเมืองภูเก็ต “พัชทรีทัวร์ กรุ๊ป” ก็เฉือนคู่แข่ง 4 ราย ชนะประมูลสูงสุด 42 ล้าน ได้สิทธิเป็นผู้บริหาร “ท่าเรืออ่าวปอ” เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยต้องจ่ายค่าเช่าให้กับธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต จำนวน 250,000 บาทต่อเดือน และจะมีการหัก 5% ของรายได้รวมทั้งปีมาเป็นรายได้ของแผ่นดิน

สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักที่จะเข้าใช้บริการท่าเทียบเรืออ่าวปอ ได้แก่ นักท่องเที่ยวยุโรป จีน ตะวันออกกลาง มีจำนวนนักท่องเที่ยวลงเรือเฉลี่ยวันละ 2 พันคนขึ้นไป โดยมีเรือของบริษัทและเครือข่ายพันธมิตรอีกกว่า 90 ลำ รวมทั้งเรือของชาวประมงในพื้นที่อีก 20 ลำ โดยตั้งเป้ารายได้ไว้ปีละ 20 ล้านบาท และคืนทุนภายใน 5 ปี

จากจุดต่ำสุดจนคิดล้มเลิกกิจการ เเต่กลับมาเดินหน้าเเละเติบโตเรื่อยมา จนทุกวันนี้มีพนักงานกว่า 200 ชีวิตเเละยังเอื้อประโยชน์แก่ชุมชนท้องถิ่น

โดยสิ่งที่ “โกดำ” มุ่งมั่นทำเสมอมาหลังธุรกิจประสบความสำเร็จ คือการช่วยเหลือชุมชน เพื่อให้เติบโตควบคู่กันไป หลังจากได้ประมูลสัมปทานท่าเทียบเรืออ่าวปอ เขาได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของคนในชุมขนว่าเห็นด้วยหรือไม่ มีความต้องการเเละอยากจะปรับปรุงในด้านใด ถือเป็นการสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักว่า “ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ชุมชนต้องมาก่อน”

ซึ่งทางบริษัท มีนโยบายที่จะรักษาพื้นที่ชุมชน โดยจะมีการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากการเก็บค่าบริการจากนักท่องเที่ยว และผู้ที่มาใช้บริการท่าเทียบเรืออ่าวปอ ให้กลับไปยังคณะกรรมการชุมชนอ่าวปอด้วย

เมื่อถามถึงโครงการสายรัดข้อมือ ริสแบนด์ ติดระบบจีพีเอสพร้อมประกันชีวิต” เพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภูเก็ตปีละหลายสิบล้านคนนั้น ผู้บริหารพัชทรีทัวร์ ตอบว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเสนอราคาและดำเนินการ โดยจะมีการลงทุนทั้งหมดกว่า 20 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงต้นปี 2561 เร็วที่สุดก็ช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้…

“ตอนนี้ตั้งเป้า 1 ล้านชิ้นต่อปี แต่จะทยอยสั่งมาเป็นล็อตเรื่อยๆ เพราะเราให้ริสแบนด์กับลูกค้าไปเลย ในราคาพร้อมประกันชีวิตเพียง 40 บาท แต่คุณได้วงเงินประกันถึง 1 ล้านบาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่ทั้งนี้เป็นความสมัครใจของผู้ใช้ จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ อนาคตเราอยากทำให้เป็นระบบตั้งแต่เริ่มจากด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตได้มีความปลอดภัย อย่างน้อยก็สามารถติดตามตัวได้ในกรณีสูญหาย เชื่อว่าจะเป็นต้นเเบบการท่องเที่ยวยุคใหม่ที่จะกระจายไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งจะก่อประโยชน์ให้การท่องเที่ยวไทยทั้งระบบ”

ตัวอย่างริสเเบนด์ติดระบบจีพีเอส ที่กำลังจะเปิดตัวช่วงปีใหม่นี้

สำหรับการทำงานของ “ริสแบนด์” ติดระบบจีพีเอสพร้อมประกันชีวิตนี้ จะเชื่อมต่อกับระบบไว-ไฟ โดยมีความร่วมมือกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากภาครัฐภูเก็ต ขณะที่ด้านประกันชีวิตมีความร่วมมือกับบริษัทไทยประกันชีวิต โดยนักท่องเที่ยวสามารถสวมใส่ในรัศมีพื้นที่ทั่วจังหวัด ซึ่งจะมีการติดตามว่าผู้สวมใส่เดินทางไปยังสถานที่ใดบ้าง ตามกำหนดวันเวลาที่บันทึกข้อมูลไว้

“ประเทศไทยต้องทำ และถ้าทำได้ทั่วประเทศจะดีมาก เราอยากให้อ่าวปอ ภูเก็ตเป็นต้นแบบโครงการ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวไทย เป็นเรื่องที่ต้องใช้เทคโนโลยีให้คุ้มค่า อีกทั้งยังสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจภาคบริการอื่นๆ ได้ เราต้องทำให้สำเร็จ เริ่มวันนี้เพื่อความเจริญของประเทศในวันหน้า”

เมื่อถามถึงเเนวคิดในการทำงานภาคบริการตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา “โกดำ” ตอบอย่างรวดเร็วด้วยเสียงดังฟังชัดว่า บริการต้องดี อาหารเต็มที่ เรือต้องปลอดภัย เเม้บริษัทโตเเล้วก็ต้องทำตัวให้เข้าถึงง่าย รักษามาตรฐานไว้ให้ได้เเละต้องพัฒนาเรื่อยๆ

“ผมมองว่าถ้าทำธุรกิจเเล้วหวังจะรวยคนเดียว โดยที่มองไม่เห็นคนหรือสังคมรอบข้างเลยไม่ได้ ธุรกิจจะไม่ยั่งยืน มันไปไม่ได้ไกลหรอก เราต้องให้อะไรกับสังคม นั่นเป็นอีกเเรงบันดาลใจหนึ่งที่ทำให้ผมตั้งใจจะพัฒนาริสเเบนด์นี้ ผมไม่ได้หวังกำไรมากจากตรงนี้ ขอเเค่ธุรกิจยังไปได้ เพราะเป็นอาชีพที่เราทำมานาน

…ดังนั้นถ้าไม่มีใครคิดจะเริ่มการพัฒนาก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นเเน่นอน เเม้ในช่วงเเรกจะยังไม่ได้กำไร เเต่ผมเชื่อว่าหากเราทำดี ผลกำไรก็จะมาเอง โดยหัวใจหลักของการทำธุรกิจท่องเที่ยวคือความสะดวก ปลอดภัย ส่วนกำไรที่ตามมานั้นเป็นผลพลอยได้”

ปิดท้ายด้วยคำถามถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวของภูเก็ตในขณะนี้ เจ้าของพัชทรีทัวร์ ระบุว่า หลังจากมีปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ คิดว่าตอนนี้ธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ตยังอยู่ในช่วงลำบากพอสมควร นักท่องเที่ยวหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง เเม้ไฟลท์บินจะยังเต็มอยู่ก็ตาม เเต่เงินไม่มา…เงินไม่ลงพื้นที่ ธุรกิจโรงเเรมกำลังหนัก โดยเฉพาะโรงเเรมท้องถิ่น คงต้องรอ 1-2 ปีกว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง