เอส โฮเทล ชี้ครึ่งปีแรกรายได้โรงแรมโตทุกพอร์ต มั่นใจปี’65 ทะลุเป้า 8.5 พันล้าน

“ชูเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” โกยรายได้ครึ่งปีแรก 3.76 พันล้านบาท เผยโรงแรมมีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นทุกพอร์ต อยู่ในจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้ง 5 แห่งทั่วโลก มั่นใจรายได้ทั้งปี ’65 เกินเป้าที่ 8.50 พันล้านบาท

วันที่ 12 สิงหาคม 2565 นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR’บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท เปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งปีแรกว่า บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,761 ล้านบาท เติบโตเกือบ 3 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ จากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 639 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4

เดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์
เดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีความมั่นใจต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลัง ที่จะเติบโตต่อเนื่องกว่า 25% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ผลักดันรายได้ทั้งปีบรรลุเป้าหมายรายได้ของปี 2565 ที่วางไว้ราว 8,500 ล้านบาท และก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย โดยมีปัจจัยหลักจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในทุกพอร์ตที่บริษัทดำเนินงาน

ทั้งนี้ บริษัทเห็นสัญญาณของ pent up demand ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับศักยภาพของโรงแรมของบริษัทที่ตั้งอยู่ในจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้ง 5 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยและมัลดีฟส์ จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโรงแรมในทุกพอร์ตจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าอุตสาหกรรม

“2 ฟันเฟืองหลักที่จะเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งของผลประกอบการ นอกเหนือจากโรงแรมใน CROSSROADS และพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร ที่ยืนยันผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาได้ต่อเนื่องแล้ว คือพอร์ตโรงแรมที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ” นายเดิร์กกล่าว

และว่า สำหรับประเทศไทยภายหลังจากการเปิดประเทศในเดือนกรกฎาคมมีตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทะลุ 1 ล้านคนเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 ส่งผลให้ในเดือนดังกล่าวโรงแรม SAii Laguna Phuket มี Occupancy Rate ที่ 68%

และด้วยจุดแข็งด้านที่ตั้งของโรงแรมและผลสำเร็จจากการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ของบริษัท จึงมีความมั่นใจต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าพอร์ตโรงแรมในประเทศไทยจะสามารถสร้างรายได้ที่เติบโตขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี

เช่นเดียวกับสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ที่จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศในเดือนมิถุนายนเติบโตในระดับ 73% เทียบกับช่วงก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยโรงแรมของบริษัท ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิโชว์ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงแรม Castaway Island, Fiji มีระดับ Occupancy Rate เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 84% ในเดือนมิถุนายนและสามารถดึง RevPAR สูงขึ้นได้ประมาณ 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเกิดโควิด-19 ได้สำเร็จ

นายเดิร์กกล่าวด้วยว่า ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ ด้วยแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง และผลสำเร็จของกลยุทธ์ปรับปรุงประสิทธิภาพพอร์ต รวมถึงศักยภาพทางการแข่งขันในหลาย ๆ โรงแรมของบริษัท โดยพอร์ตโรงแรมของ SHR หลายแห่งมีอัตราการเข้าพักที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม

อาทิ พอร์ตโรงแรมที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 70% เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 61% และพอร์ตโรงแรมที่ประเทศไทยในจังหวัดภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 53% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 40% โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอร์ตโรงแรมที่สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 54% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในปี 2562 ที่เป็นระดับช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ 52% สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสินทรัพย์และศักยภาพในแข่งขัน


จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังให้ปรับตัวดีขึ้นใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ และ SHR จะเดินหน้าพัฒนาห้องพักของโรงแรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีอัตราการเข้าพักและค่าห้องพักเฉลี่ยที่ดีขึ้นในอนาคต