เปิดใจ “ณฤทธิ์ เจียอาภา” เจ้าของโรงแรมหรู Andaz Pattaya ราคาคืนละ 5 แสน

ณฤทธิ์ เจียอาภา
ณฤทธิ์ เจียอาภา
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

เรียกความสนใจจากคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมเป็นอย่างมาก สำหรับข่าวตระกูลเจียอาภา โดย “ณฤทธิ์ เจียอาภา” เจ้าพ่อส่งออกกุ้งที่ทุ่มกว่า 5 พันล้านบาท ปักหมุดโรงแรม Andaz Pattaya แบรนด์หรูระดับโลกเครือไฮแอท บนพื้นที่ 38 ไร่ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา (ชลบุรี) รองรับกลุ่มเซเลบริตี้ นักธุรกิจ รวมถึงกลุ่มครอบครัวระดับบน

โดยมีห้องพักโซนหนึ่งเป็นบ้านเรือนไทยโบราณ ขายคืนละ 5 แสนบาท สูงสุดในเมืองพัทยา พร้อมบริการแขกเข้าพักด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ณฤทธิ์ เจียอาภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจแปรรูป-ส่งออกกุ้งแช่แข็ง และเจ้าของโรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช (Andaz Pattaya Jomtien Beach) ถึงแนวคิดการลงทุนในครั้งนี้

มูลค่าโครงการ 7-8 พันล้าน

“ณฤทธิ์” บอกว่า Andaz Pattaya Jomtien Beach มีห้องพักและห้องสวีตรวมทั้งหมด 204 ห้อง ก่อสร้างบนที่ดินส่วนตัวจำนวน 38 ไร่ หน้าหาดตะวันรอน ในพื้นที่หาดจอมเทียน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ลงทุนก่อสร้าง (ไม่รวมที่ดิน) กว่า 3,000 ล้านบาท

หากรวมราคาที่ดินโครงการนี้จะมีมูลค่าถึง 5,000 ล้านบาท แต่ถ้าคิดมูลค่าที่ดินตามราคาปัจจุบันโครงการนี้น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 7,000-8,000 ล้านบาท มีกำหนดซอฟต์ลอนช์เดือนธันวาคมนี้ จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566

และบอกอีกว่า การลงทุนในส่วนธุรกิจโรงแรมนี้ เป็นการลงทุนของครอบครัวที่ทำด้วย passion อย่างแท้จริง เพราะมีที่ดินแปลงงามติดหาดอยู่แล้ว จึงมีความคิดอยากสร้างประติมากรรมให้เมืองพัทยาและประเทศไทย

ที่สำคัญ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมแห่งแรกของครอบครัว เป็นน้องใหม่ในวงการธุรกิจโรงแรม จึงเป็นโครงการที่ทุกคนในครอบครัวใส่ใจเต็มร้อยจริง ๆ ทั้งมั่นใจว่าจะเป็น masterpiece หรือประติมากรรมชิ้นเอกของเมืองพัทยาอีกด้วย

“พัทยา” ขาดห้องพัก 5 ดาว

เมื่อถามว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้มั่นใจและกล้าลงทุนสูงขนาดนี้ “ณฤทธิ์” บอกว่า โรงแรมแห่งนี้เป็นรีสอร์ตระดับไฮเอนด์ ใช้แบรนด์ Andaz ซึ่งเป็นแบรนด์ของเชนไฮแอท (Hyatt) ที่มีวัฒนธรรมเป็น family style มุ่งจับลูกค้ากลุ่มระดับบน กำลังซื้อสูง ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ กลุ่มนักธุรกิจ เซเลบริตี้ นักกอลฟ์ ครอบครัว

กำหนดราคาห้องพักเริ่มต้นห้องขนาด 50 ตารางเมตร เฉลี่ย 15,000 บาทต่อคืนขึ้นอยู่กับดีมานด์และซีซันนิ่งของการท่องเที่ยว ราคาสูงที่สุดคือโซน Presidential Heritage House บ้านทรงไทย 6 ห้องนอน ราคา 500,000 บาทต่อคืน

นอกจากนี้ ยังให้บริการผู้เข้าพักด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ราคาคันละ 40 ล้านบาท ให้บริการรับ-ส่งสนามบิน และใช้สำหรับท่องเที่ยวในเมืองพัทยา หรือที่อื่น ๆ ตามความต้องการและตามใจแขกที่เข้าพัก เรียกว่าเป็น luxury product, luxury service และ luxury location อย่างแท้จริง

“ครอบครัวเรามีธุรกิจสนามกอล์ฟชื่อ CHEE CHAN GOLF RESORT ซึ่งเป็น luxury golf resort เช่นกัน แพง แต่เป็นอะไรที่เป็น value for money นักท่องเที่ยวที่มาพร้อมจ่าย จากจุดนี้ทำให้เรารู้ว่าพัทยามีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มกำลังซื้อสูง อยู่ในตลาดไฮเอนด์ทั้งนั้น แต่ซัพพลายห้องพักสำหรับกลุ่มไฮเอนด์มีไม่เพียงพอ หรือพูดง่าย ๆ ว่าพัทยาเป็นเมืองที่ยังขาดโรงแรมระดับ 5 ดาว”

และบอกด้วยว่า ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมเมืองพัทยาที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวลงมา รองรับตลาดแมสเป็นหลัก คนไม่กล้าลงทุนโรงแรมระดับ 5 ดาว เพราะคิดว่าไม่มีตลาด ขณะที่นักท่องเที่ยวก็ไม่มา เพราะไม่มีห้องพักไฮเอนด์รองรับ สถานการณ์เลยเป็นเหมือนไก่กับไข่ แต่ก็ดีขึ้นที่ในช่วงปี 2 ปีนี้มีโรงแรมระดับ 5 ดาวทยอยเปิดตัว แต่ก็ยังถือว่าเป็นเซ็กเมนต์ที่ยังมีจำนวนห้องพักรวมไม่มากนัก

ปัจจัยหนุนเพียบ

ขณะที่เมืองพัทยามีปัจจัยบวกสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวเยอะมาก อาทิโครงการเขตพัฒนาพิเศษอีอีซี สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ความหลากหลายของโปรดักต์ท่องเที่ยว การลงทุนใหม่ ๆ ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ฯลฯ

“ณฤทธิ์” บอกด้วยว่า แม้ขณะนี้ “แอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช” ยังไม่เปิดให้บริการ แต่โรงแรมแห่งนี้ได้คว้ารางวัล “Best New Hotel Construction & Design-Thailand” สุดยอดโรงแรมที่มีดีไซน์ที่ดีที่สุดแห่งปี จากงาน Asia Pacific Property Awards 2022-2023 ไปเรียบร้อยแล้ว

ด้วยฝีมือการออกแบบของ A49 บริษัทสถาปัตยกรรมเจ้าของรางวัลระดับนานาชาติ ภายใต้แนวคิด “รีสอร์ตไลฟ์สไตล์ที่นำเสนออัตลักษณ์ชุมชน ธรรมชาติ และความเป็นไทยในมุมมองใหม่” ผสานบริการระดับโลก สู่การตอบโจทย์นักเดินทางที่มองหาประสบการณ์การพักผ่อนที่แตกต่าง

ด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้เชื่อมั่นว่า กลุ่มเซเลบริตี้ ศิลปิน ดารา นักกีฬาระดับโลก นักธุรกิจ ครอบครัวคนรวย นักเดินทางระดับพรีเมี่ยมของแต่ละประเทศที่นิยมเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวจะต้องมาใช้บริการโรงแรมแห่งนี้

ยกระดับโรงแรมหรูพัทยา

ลงทุนขนาดนี้ต้องใช้เวลาคืนทุนกี่ปี “ณฤทธิ์” บอกว่า ตอบยาก เพราะเขาไม่ใช่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เขาเป็นนักลงทุน หรือ investor มากกว่า การลงทุนในธุรกิจโรงแรมครั้งนี้จึงไม่ได้คิดว่าจะรีเทิร์นเท่าไหร่ “คิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ เพราะลงทุนไปมากเหลือเกิน คิดแค่ว่าแต่ละปีต้องมีเงินจ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่ เท่านั้นก็พอ”

ในมุมการบริหารก็ตั้งเป้าหมายปี 2566 ซึ่งเป็นปีแรกของการเปิดให้บริการว่า จะต้องมีอัตราการเข้าพัก หรือ occupancy rate ไม่ต่ำกว่า 70%

“เป้าหมายการลงทุนของผมอยู่ที่ความภาคภูมิใจในการสร้างประติมากรรมชิ้นเอกที่เป็นที่สุดในทุกด้าน Andaz เป็นแบรนด์โรงแรมระดับโลก การลงทุนครั้งนี้เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมโรงแรมระดับลักเซอรี่เมืองพัทยาและของประเทศไทยครั้งสำคัญ”