เบรกแผนแซนด์บอกซ์ 7+7 อัดอีเวนต์ลง Q4 หนุนภูเก็ต

เที่ยวภูเก็ต

รมว.การท่องเที่ยวฯ เบรกแผน “แซนด์บอกซ์ 7+7” เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวภูเก็ตสู่กระบี่-พังงา 2 จังหวัดอันดามัน-สมุยพลัส เผยโควิดระบาดพุ่งทุกพื้นที่ ภูเก็ตล็อกดาวน์เมือง ปิดทางเข้า-ออกส่งต่อนักท่องเที่ยวออกนอกพื้นที่ จ่อปั้นพื้นที่สีฟ้าขึ้นแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยเชื่อมแซนด์บอกซ์ ทำใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งปีหลุดเป้าเหลือ 5-7 แสนคน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงแผนการขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ว่า ขณะนี้คงเหลือไว้ 2 พื้นที่หลักที่เปิดดำเนินการไปแล้ว คือ ภูเก็ตแซนด์บอกซ์และสมุยพลัส

โดยจะชะลอแผนเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวออกไปในพื้นที่ 3 เกาะของจังหวัดกระบี่ คือ เกาะพีพี เกาะไหง และอ่าวไร่เลย์ และ 3 พื้นที่ของจังหวัดพังงา คือ เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย และเขาหลัก รวมถึงสมุย (สุราษฎร์ธานี) ตามแผน 7+7 หรือแผนการเชื่อมโยงพื้นที่ท่องเที่ยวโดยใช้ภูเก็ตเป็นฮับ ออกไปก่อน

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรุนแรงในทุกพื้นที่ ประกอบกับที่ล่าสุดจังหวัดภูเก็ตได้ยกระดับมาตรการความเข้มข้นในการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ ด้วยการปิดด่านทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ เพื่อทำความสะอาดเมืองในช่วงระหว่างวันที่ 3-16 สิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับสมุยพลัสนั้นก็ยังต้องดำเนินการต่อไป โดยรองรับเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บินตรงเข้าสมุยเท่านั้น

“ตามแผนเดิมเราเตรียมเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่ทะเลอันดามันและสมุย ในรูปแบบ island hopping สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักในภูเก็ตครบ 7 วัน และทำการตรวจสวอบหาเชื้อแล้ว 2 ครั้ง ให้เดินทางไปต่อในพื้นที่ที่กำหนดไว้ของ 3 จังหวัดดังกล่าวได้ในวันที่ 8 ของการเข้าพัก ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ศบศ.พิจารณาเห็นชอบและจะเริ่ม 1 สิงหาคมนี้ แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่หนักขึ้นจึงต้องชะลอไปก่อน คาดว่าหลัง 16 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ของภูเก็ต น่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น” นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยวต่อไปทางกระทรวงได้เตรียมเข้าไปดูและบูรณาการพื้นที่สีฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในอัตราที่ต่ำ ซึ่งนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการสำรวจทั่วประเทศแล้วเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

“เมื่อได้ข้อมูลจากมหาดไทย เราก็จะพัฒนาและทำการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูเก็ตแซนด์บอกซ์ต่อไป โดยไม่ต้องยึดติดกับแผน 10 จังหวัดนำร่องก่อนหน้านี้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลดีในเชิงการตลาดทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศในอนาคต”

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากการประเมินสถานการณ์โดยรวมขณะนี้คาดว่าปี 2564 นี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 แสนคน ตามที่สภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามมองว่าหากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสามารถคลี่คลายได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ น่าจะยังทำให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายเป็นไปได้ดีขึ้น

โดยในช่วงไตรมาสสุดท้าย ทางกระทรวงได้เสนอให้ดึงกิจกรรมนานาชาติที่ไม่สามารถจัดที่กรุงเทพฯได้ตามแผนเดิมให้ไปจัดที่ภูเก็ต เพื่อสนับสนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ อาทิ การแข่งขันกอล์ฟ การแข่งขันอีสปอร์ต การแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์ 7 คน การแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ รวมถึงงานรำลึกสึนามิ เป็นต้น