เรดิสัน โฮเทล ฟันธง ! ทั่วโลกพร้อมออกเดินทาง (อีกครั้ง)

เดวิด เหงียน-เรดิสัน โฮเทล
สัมภาษณ์

เป็นความหวังที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับการคาดการณ์การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการการเดินทางแทบจะกลับสู่ภาวะปกติแล้ว

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “เดวิด เหงียน” กรรมการผู้จัดการด้านยุทธศาสตร์ความร่วมมือในภูมิภาคอินโดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก “เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป (Radisson Hotel Group : RHG)” หนึ่งในเครือโรงแรมขนาดใหญ่ ถึงภาพรวมธุรกิจของโรงแรม และกลุ่มโรงแรมในเครือเรดิสัน ความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงต่อแบรนด์ การพัฒนาธุรกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมไว้ดังนี้

ทั่วโลกพร้อมออกเดินทาง

“เดวิด เหงียน” บอกว่า ตอนนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังจะกลับมา โดยหลังจากทั่วโลกประกาศเปิดประเทศอีกครั้งพบว่า เอเชีย-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการฟื้นตัวเร็วที่สุด เพราะภูมิภาคนี้เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว อาทิ เวียดนาม, อินโดนีเซีย ฯลฯ ซึ่งอัตราการจองห้องพัก (booking) ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด

รวมถึงประเทศไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นกัน

โดยจะเห็นว่ารัฐบาลไทยเร่งขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้การท่องเที่ยวกลับมา เพราะรู้ว่าทั่วโลกกำลังรอที่จะเดินทางกันอีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่คนทั่วโลกรอคอยที่จะเดินทางเข้ามา

“ทุกครั้งที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Test & Go หรือ Thailand Pass ฯลฯ รวมถึงกิจกรรมโรด์โชว์ไปตามประเทศต่าง ๆ ของการท่องเที่ยวประเทศไทย หรือ ททท. ล้วนทำให้เกิดกระแสการเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกครั้ง”

บุ๊กกิ้งเข้ายาวยันสิ้นปีแล้ว

พร้อมบอกว่า ขณะนี้ยอดการจองห้องพักเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ชัดเจนมากยาวไปถึงสิ้นปีแล้ว จากปกติที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามาในช่วงซัมเมอร์เป็นหลัก ทำให้เห็น outlook สำหรับปี 2022 นี้ดีขึ้นมาก จึงเชื่อว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมโดยรวมจะยังเคลื่อนตัวไปในทิศทางนี้อีกในปีต่อไป

ส่วนจะขยายตัวได้มากแค่ไหน อย่างไร ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม มองว่าอุตสาหกรรมในภาพรวมกำลังเดินเข้าไปใกล้จุดที่เคยเป็นในช่วงก่อนโควิด

เปิดครบทุกแห่งอีก 2-3 เดือน

“เดวิด เหงียน” บอกด้วยว่า ปัจจุบันเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป หรือ RHG มีแบรนด์ภายใต้การบริหารรวม 9 แบรนด์ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่พรีเมี่ยม, มิดเดิล และอีโคโนมี อาทิ เรดิสัน, เรดิสัน บลู, พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน, พาร์ค พลาซ่า, เรดิสัน อินดิวิดวลส์, เรดิสัน เรด เป็นต้น มีโรงแรมมากกว่า 1,600 แห่งใน 120 ประเทศทั่วโลก

ตลอดช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา RHG ไม่ได้ปิดบริการทุกแห่ง แต่ปิดเฉพาะในพื้นที่ถูกล็อกดาวน์เท่านั้น ยังมีโรงแรมจำนวนหนึ่งที่ยังเปิดให้บริการรองรับการเดินทางภายในประเทศ (domestic demand)

ขณะนี้สถานะของโรงแรมในเครือข่ายมี 2 แบบ คือ 1.เปิดให้บริการแล้ว และ 2.อยู่ระหว่างการเตรียมเปิดบริการ โดยกลับมาทำความสะอาด ซ่อมบำรุงให้อยู่ในมาตรฐานของ RHG อีกครั้ง

โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ครบทุกแห่งทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงประเทศไทยภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทุกแห่งได้เปิดระบบออนไลน์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าบุ๊กกิ้งห้องพักแล้ว

ฟื้นตัวสูงกว่าตลาด 15-20%

“เดวิด เหงียน” ยังบอกอีกว่า สำหรับโรงแรมที่ได้เปิดให้บริการไปแล้วนั้นที่ผ่านมาพบว่า ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนี้โรงแรมในกลุ่มของ RHG มีการฟื้นตัวกลับมาได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ประมาณ 15-20% ทั้งในด้านผลตอบแทน, อัตราการเข้าพัก รวมถึงราคาห้องพักเฉลี่ย

เมื่อถามว่าอะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้ RHG สามารถฟื้นได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยในตลาด เอ็มดีหนุ่มตอบว่า ที่ผ่านมา RHG ลงทุนสำหรับพัฒนาระบบซอฟต์แวร์รองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดไปประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ชื่อว่า “EMMA” ซึ่งเป็นระบบกลางที่จะเชื่อมโยงบริการทุกส่วน รวมถึงระบบการจองห้องพัก (reservation) ระบบการขาย (point of sale) ฯลฯ

โดยระบบดังกล่าวนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถเข้าถึงและบันทึกประสบการณ์ทั้งหมดของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าคนนั้น ๆ จะใช้บริการ RHG ที่ไหนในโลกระบบจะมีข้อมูลและสามารถให้บริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้

เน้นบริหารผลตอบแทนสูงสุด

นอกจากนี้ ยังมีระบบที่ชื่อว่า Radisson+ หรือ Radisson Plus ระบบที่สามารถออนไลน์บนมือถือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเช็กอิน เลือกแบบห้องพัก แชตกับเจ้าหน้าที่ ฯลฯ รวมถึงแจ้งความต้องการต่าง ๆ ได้ ซึ่งก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเช่นกัน

“แม้ในช่วงโควิดเราไม่เคยถอยหลังด้านการทำการตลาด ซึ่งส่วนหนึ่งก็ถือว่าโชคดีที่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องลงทุน เพื่อสร้างความแตกต่าง โดย EMMA ไม่ใช่แค่มาเชื่อมระบบการจองห้องพักหรือระบบหน้างาน แต่เป็นระบบฟีดแบ็ก ระบบช่วยเหลือ ฯลฯ ซึ่งมากกว่าการทำซีอาร์เอ็มทั่วไป”

พร้อมย้ำว่า EMMA คือ market intelligent ที่ช่วยให้ผู้บริหารโรงแรมสามารถบริหารผลตอบแทน หรือ yield ได้สูงสุด คือ ช่วยให้รู้ว่าจุดไหนเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดในการกำหนดราคาขาย กล่าวคือ ได้ทั้งราคาขายและอัตราการเข้าพักที่ดีด้วย

จ่อเปิด “เรดิสัน อินดิวิดวลส์”

“เดวิด เหงียน” ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า การที่ RHG มีแบรนด์ภายใต้การบริหารรวมถึง 9 แบรนด์ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ทุกแบรนด์มีการวางโครงสร้างแบรนด์ที่ชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน แต่ด้วยแนวคิดแบบโกลบอล ทำแบบโลคอล ทั้งในเชิงการพัฒนาธุรกิจและปฏิบัติ บริษัทจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำแบรนด์ที่มีอยู่ไปพัฒนาในแต่ละตลาดเพิ่มเติม

สำหรับประเทศไทยนั้น RHG มีแผนนำแบรนด์เรดิสัน อินดิวิดวลส์ (Radisson Individuals) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีความยืดหยุ่นสำหรับเจ้าของที่ต้องการลงทุนไม่สูงมาก หรือเปลี่ยนจากโรงแรมเก่ามาพัฒนาต่อ

“ตอนนี้ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเรามีโครงการใหม่ที่อยู่ในแผนดำเนินการ (pipeline) สำหรับปี 2022-2023 เพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยที่อยู่ในแผนสำหรับประเทศไทยคือ โครงการบนหาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต และพาร์คอิน พัทยา”

มั่นใจรีคัฟเวอร์ภายใน 2-3 ปี

ต่อคำถามว่า RHG ประเมินภาพการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงประเทศไทยอย่างไร “เดวิด เหงียน” บอกว่า แม้ว่าขณะนี้จะเห็นภาพการฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมในเอเชีย-แปซิฟิก สถานการณ์ในวันนี้เปลี่ยนแปลงทุกวัน จึงค่อนข้างคาดการณ์ยาก แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะพลิกฟื้นกลับมาแน่นอน

เนื่องจากบรรยากาศโดยรวมผ่อนคลายขึ้นเยอะมากแล้ว ส่วนตัวจึงมองว่าน่าจะใช้เวลาประมาณสัก 2-3 ปีนับจากนี้

อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลด้วยว่าจะทำอะไรบ้าง เพราะทุกอย่างที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนล้วนมีผลต่อการฟื้นตัวว่าจะช้าลงหรือเร็วขึ้นทั้งสิ้น รวมถึงระบบสนับสนุนต่าง ๆ ทั้งสายการบิน สนามบิน ฯลฯ ที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กันด้วย