สหรัฐช็อปคึกคักสิ้นปี หนี้ครัวเรือนพุ่งกระฉูด

สหรัฐช็อปคึกคักสิ้นปี

การจับจ่ายซื้อสินค้าของชาวอเมริกันในช่วงเทศกาลปลายปีนี้กลับมาคึกคัก ด้วยโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ดึงดูดใจนักช็อป ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ผลักดันให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น แต่การใช้จ่ายจำนวนมากก็กำลังกัดกินเงินออมและก่อหนี้ก้อนโต ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคซบเซาในระยะยาวหลังจากนี้

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การใช้จ่ายของนักช็อปชาวอเมริกันในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในเทศกาลลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ “แบล็กฟรายเดย์” และ “ไซเบอร์มันเดย์” เมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นไปอย่างคึกคัก จากการลดราคาสินค้าอย่างหนักของร้านค้าต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ข้อมูลของสมาพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation : NRF) ของสหรัฐอเมริกา ชี้ว่า ชาวอเมริกันจับจ่ายซื้อสินค้าทั้งทางหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในปีนี้ มากถึง 196 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2021 ขณะที่ผู้ให้บริการชำระเงิน “มาสเตอร์การ์ด” ระบุว่า ยอดขายทางหน้าร้านในวันแบล็กฟรายเดย์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นราว 12% จากปีก่อนหน้า

ส่วนข้อมูลการตลาดออนไลน์ของ “อะโดบี อะนาไลติกส์” แสดงให้เห็นว่า ยอดขายเฉพาะช่องทางออนไลน์ในวันแบล็กฟรายเดย์ของสหรัฐสูงถึง 9,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.3% จากปีที่แล้ว เช่นกันกับยอดขายในวันไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งเป็นวันช็อปปิ้งออนไลน์ครั้งใหญ่สุดในรอบปีของสหรัฐ ที่มียอดขายสูงถึง 11,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.8% จากปี 2021

ยอดขายที่สูงขึ้นนอกจากจะทำให้เห็นความคึกคักของการจับจ่ายใช้สอยแล้ว อีกด้านก็เป็นภาพสะท้อนของราคาสินค้าต่าง ๆ ที่สูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ผู้บริโภคต้องควักกระเป๋ามากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าในปริมาณเท่าเดิม ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังต้องแสวงหาเงินจากส่วนอื่นนอกจากรายได้มาใช้จ่ายมากขึ้น

“แคลร์ แทสซิน” นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษามอร์นิ่ง คอนซัลต์ ระบุว่า “เราเห็นคนจำนวนมากนำเงินออม รวมถึงการใช้เงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสินค้า ไม่เพียงแค่การใช้เงินล่วงหน้าจากบัตรเครดิต แต่ปัจจุบันยังเห็นผู้คน ใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (buy now pay later) มากขึ้นด้วย”

สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐ (BEA) อ้างอิงข้อมูลของบริษัทจัดอันดับเครดิต มูดีส์ ระบุว่า อัตราการออมเทียบกับรายได้ส่วนบุคคลสุทธิ (DPI) ของชาวอเมริกันอยู่ที่ 2.3% ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ลดลงอย่างมากจากอัตราการออมเฉลี่ยที่ 9% ในปี 2019

ขณะที่รายงานหนี้ครัวเรือนจากธนาคารกลางสหรัฐ (นิวยอร์ก) แสดงให้เห็นว่า ในไตรมาส 3/2022 ชาวอเมริกันมีหนี้ครัวเรือนสะสมอยู่ที่ 16.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 15.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 3/2021 โดยเฉพาะหนี้จากบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นถึง 15% จากปีก่อนหน้า นับว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 20 ปี

สถานการณ์เหล่านี้สร้างความเสี่ยงต่อตลาดผู้บริโภคอเมริกัน “โจ บรูซูเอลาส์” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทที่ปรึกษาอาร์เอสเอ็ม (RSM) ระบุว่า อาจเกิดอาการ “เมาค้าง” จากการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดนี้ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะยาว

เนื่องจากผู้บริโภคจำเป็นต้องพยายามลดค่าใช้จ่ายในอีกหลายเดือนข้างหน้าเพื่อชำระหนี้ หรือเก็บเงินออมอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายของผู้บริโภคต้องเผชิญแรงกดดันมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความกังวลเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง