สิ้นสุดยุคทองเรือขนส่งสินค้า Maersk ปลดพนักงาน 10,000 คน

เมอส์ก MAERSK
เรือขนส่งสินค้าของ Maersk จอดในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก มีฉากหลังเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท (ภาพโดย Sergei GAPON / AFP)

ในช่วงโควิด-19 ปัญหาคอขวดการขนส่งสินค้ากับการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์หนุนให้บริษัทขนส่งสินค้าทางทะเลมีกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ และแข่งกันจ่ายโบนัสให้พนักงานอย่างบ้าคลั่ง บางบริษัทจ่ายถึง 40 เดือน นับว่าเป็น “ยุคทอง” ของธุรกิจเรือขนส่งสินค้า แต่ยุคทองนั้นได้สิ้นสุดลงแล้วในปีนี้ เมื่อความต้องการสินค้าทั่วโลกลดลง 

แม้แต่ “เมอส์ก” (Maersk) บริษัทขนส่งทางทะเลรายใหญ่ของโลกก็หนีไม่พ้นภาวะซึมเซาของเศรษฐกิจโลก ถึงขั้นต้องปลดพนักงาน 10,000 คน

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2023 เมอส์ก หรือ A.P. Moller-Maersk กลุ่มธุรกิจการเดินเรือขนส่งสินค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของโลกจากประเทศเดนมาร์กรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2023 ว่าทั้งรายได้และกำไรลดลงอย่างมาก และเปิดเผยว่าบริษัทจะปลดพนักงานรวมถึง 10,000 คนตามแผนธุรกิจในปีนี้ เนื่องจากบริษัทเผชิญกับกำลังการบริการล้นเกิน (overcapacity) ต้นทุนที่สูงขึ้น และค่าบริการที่ลดลง 

เมอส์กทำรายได้ (revenue) ในไตรมาส 3 ปีนี้ 12,129 ล้านดอลลาร์ ลดลง 46.73 % จาก 22,767 ในไตรมาส 3 ปี 2022 ขณะที่หน่วยธุรกิจ Ocean หรือธุรกิจเรือขนส่งสินค้าทางทะเลทำรายได้ 7,897 ล้านดอลลาร์ ลดลง 56.17 % จาก 18,018 ในไตรมาส 3 ปี 2022 

ส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 1,900 ล้านดอลลาร์ ลดลง 82.57 % จาก 10,900 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปี 2022 

เมอส์กมีพนักงานทั่วโลก 110,000 คน ณ เดือนมกราคม 2023 หลายเดือนที่ผ่านมาได้ปรับลดจำนวนพนักงานลงแล้วเหลือประมาณ 103,500 คนในปัจจุบัน และบอกว่าจะปรับลดลงอีก 3,500 ตำแหน่ง ให้เหลือ 100,000 คน โดยการปลด 2,500 ตำแหน่งจะเกิดขึ้นในปีนี้ และส่วนที่เหลือจะโดนปลดในปี 2024 ซึ่งเมอสก์บอกว่าการปรับลดจำนวนพนักงานเพิ่มเติมจะส่งผลให้เมอส์กลดค่าใช้จ่ายได้ 600 ล้านดอลลาร์ในปี 2024

วินเซนต์ เคลิร์ก (Vincent Clerc) กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ (revenue) เป็นลบในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความซบเซาของการจับจ่ายในภาคการค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ รวมถึงยานยนต์และสินค้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาเหนือ

เมอส์กครองส่วนแบ่ง 1 ใน 6 หรือประมาณ 16.6% ของตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าทั่วโลก เป็นผู้ขนส่งสินค้าให้กับผู้ค้าปลีกรายใหญ่และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลก ส่งสัญญาณว่า ความต้องการสินค้า (อันนำมาซึ่งการขนส่งสินค้า) ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนคาดการณ์ไว้อีก 

เมอสก์คาดว่า จำนวนตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก (ที่ให้บริการลูกค้า) ของหน่วยธุรกิจ Ocean หรือธุรกิจเดินเรือขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทจะลดลงมากถึง 2% ในปีนี้ โดยหลักแล้วเป็นผลมาจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง และการตัดสต๊อกสินค้าของบริษัทต่าง ๆ หลังจากที่แย่งชิงสินค้ากันในช่วงปีก่อนหน้านี้ อันเป็นผลพวงมาจากการเกิดโรคระบาด

“ภาวะปกติใหม่ที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้คือแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่ซบเซาหนักขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์อ่อนตัวในปีที่กำลังมาถึงและปีต่อไป ค่าบริการ [เรือคอนเทนเนอร์ขนส่ง] กลับมาสอดคล้องกับระดับในอดีต แรงกดดันเงินเฟ้อต่อต้นทุนของเรา โดยเฉพาะจากต้นทุนพลังงาน และยังมีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น” ซีอีโอของเมอส์กกล่าวกับนักลงทุน

ก่อนหน้านี้ ในช่วงระหว่างและหลังการระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าได้เพิ่มการลงทุนอย่างมากในเรือคอนเทนเนอร์ใหม่ รวมถึงการจ้างงานเพิ่ม เพื่อตอบสนองต่อดีมานด์ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้กำลังการบริการล้นเกิน เมื่อค้าระหว่างประเทศซบเซา ขณะที่ค่าบริการก็ลดลง 

ซีอีโอเมอส์กกล่าวว่า หากในไตรมาสที่ 4 ไม่มีการปรับปรุงใด ๆ บริษัทจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในปี 2024

“เมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาที่ท้าทายข้างหน้า เราได้เร่งมาตรการควบคุมต้นทุนและเงินสดหลายประการเพื่อปกป้องผลการดำเนินงานทางการเงินของเรา ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงองค์กรและการดำเนินงานของเราให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง…” ซีอีโอของเมอส์กกล่าว