ตลาดอสังหาฯ ย่ำแย่! วิกฤตแฟลตเก่า-เล็กในฮ่องกง มูลค่าดิ่งร้อยละ 20

เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงาน มูลค่าแฟลตเก่าซึ่งมีขนาดเล็กในฮ่องกงปรับลดลงราว 20 % ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ย่ำแย่

ธนาคารเอชเอสบีซี ผู้ปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ ประเมินว่า ผู้คนที่ซื้อห้องชุดในช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาต้องเผชิญกับการปรับลดมูลค่าลง

ฮ่องกง ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ราคาสูงลิ่ว ได้รับแรงกดดันจากดีมานด์ที่ต่ำลง อันเป็นผลมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หุ้นที่ผันผวน และความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน

ผลเสียเกิดขึ้นเมื่อมีการปล่อยกู้บ้านที่ล้นเกินกว่ามูลค่าตลาดอสังหาฯ และไม่ได้เห็นอีกตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา

“โดยทฤษฎี ผู้ซื้อที่ขอกู้ประมาณ 90 % ของมูลค่าห้องชุดมักจะได้รับผลเสียเมื่อราคาห้องชุดดังกล่าวปรับตัวลง 10 %” Sharmaine Lau รองประธานอาวุโสของ ‘mReferral Mortgage Brokerage Services’ กล่าว

กูรูในแวดวงระบุว่า เจ้าของห้องชุดที่จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อนแฟลตขนาดเล็กในตึกเก่าอาจเผชิญกับความสูญเสียมากมาย เนื่องจากธนาคารมีแนวโน้มประเมินราคาอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดอสังหาฯ ย่ำแย่

“การประเมินราคาต่ำกว่าเป็นจริงจะถูกใช้กับแฟลตที่มีศักยภาพทางการตลาดต่ำ การประเมินของธนาคารนั้นจะได้รับการสนับสนุนโดยนักสำรวจ ซึ่งมีการคำนึงถึงเงื่อนไขทางการตลาด” Chiu Kam-kuen หัวหน้างานประเมินและบริการคำแนะนำ Asia-Pacific at Cushman and Wakefield

ข้อมูลจาก โพสต์ ระบุบ้านเก่าจากหลากหลายโครงการที่ธนาคารเอชเอสบีซีเพิ่งขายเร็วๆ นี้ว่า

ห้องชุด 36 ปี ขนาด 234 ตารางฟุต ตึก Lee Bo Building ที่ Tuen Mun ถูกขายในราคา 3.82 ล้านเหรียญอ่องกงเมื่อ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้กลับเหลือมูลค่าเพียง 3.08 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือเท่ากับราคาปรับลดลง 20 %

ใน North Point ห้องชุด 41 ปี ขนาด 128 ตารางฟุต ตึก Yalford Building ขายเมื่อ 29 สิงหาคม ที่ราคา 3.1 ล้านเหรียญฮ่องกง หล่นมาอยู่ที่ 2.48 ล้านเหรียญฮ่องกง

ส่วนใน Kowloon ห้องชุดขนาด 210 ตารางฟุต อายุ 34 ปี ตึก Hong Fai Building ขายที่ราคา 3.87 ล้านเหรียญฮ่องกง เมื่อ 20 มิถุนายน ก่อนมูลค่าจะร่วงมา 13 % อยู่ที่ 3.38 ล้านเหรียญฮ่องกง