‘แคร์รี่ ลัม’ เบี่ยงเบนม็อบฮ่องกง ออกนโยบายเอาใจ ‘คนจน’

(AP Photo/Kin Cheung)

การประท้วงใน “ฮ่องกง” ลุกลามจนเป็น “วิกฤต” ความวุ่นวายที่ฉุดเศรษฐกิจให้อยู่บนปากเหวโดยกระแสกดดันรัฐบาลฮ่องกงกำลังมีประเด็น “ปากท้อง” ของชาวฮ่องกงเข้ามาเกี่ยวข้อง สัปดาห์ที่ผ่านมา  “แคร์รี่ ลัม” ผู้นำสูงสุดเขตปกครองพิเศษ ประกาศเตรียมออกมาตรการโปรเจ็กต์ “ที่อยู่อาศัยราคาถูก” ซื้อใจคนจน และช่วยเหลือธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” ที่กำลังได้รับผลกระทบ

เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ รายงานอ้างคำกล่าวของ “แคร์รี่ ลัม” ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงระบุว่า ความสาหัสทางเศรษฐกิจของฮ่องกงในเวลานี้ อาจเลวร้ายมากกว่าวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคซาร์สในปี 2003 หรือวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 การชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลกำลังดำเนินเข้าสู่เดือนที่ 3 แล้ว

ขณะเดียวกันภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั้งการเงิน การท่องเที่ยว ค้าปลีก และธุรกิจบริการอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

ขณะที่แถลงการณ์รัฐบาลฮ่องกง โดยนางแคร์รี่ ลัม และนายพอล ชาน รัฐมนตรีการคลังของฮ่องกง ได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจรายปี 2019 เหลือ 0-1% จากคาดการณ์เดิม 2-3% ขณะเดียวกัน รัฐบาลประกาศเตรียมงบประมาณพิเศษ 19,100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการประท้วงที่ยืดเยื้อ รวมถึงปัญหาอื่น ๆ เช่นสงครามการค้าสหรัฐ-จีน โดยการช่วยเหลือจะครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็ก การช่วยเหลือนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ยากจน ไปจนถึงการจัดสรรเงินอุดหนุนครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และการจัดหาที่อยู่อาศัยราคาต่ำ

“เดวิด โรช” ผู้ก่อตั้งและนักวางกลยุทธ์ บริษัท อินดิเพนเดนท์ สตราติจี บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาการลงทุน แสดงความเห็นว่า แถลงการณ์ครั้งนี้ของรัฐบาลฮ่องกงมุ่งไปที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และพยายามบรรเทาทุกข์ของกลุ่มคนจนในฮ่องกงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในช่วงเวลาที่วุ่นวาย เป็นการใช้กลอุบายเหมือน “การแจกลูกอม” (handing out candies)

ทั้งนี้ แคร์รี่ ลัม ไม่ได้ระบุถึงนโยบายการช่วยเหลือที่ชัดเจน นอกจากโครงการ “ที่อยู่อาศัยราคาถูก” และกล่าวเพียงว่า จะเปิดเผยแผนช่วยเหลือฉบับสมบูรณ์ในเดือน ต.ค.นี้ โดยนายโรชมองว่า มาตรการช่วยเหลือที่จะออกตามมาเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับ “ภาษี” และ “การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ” โดยฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งเขตการปกครองพิเศษที่มีอัตราค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก และปี 2018 มีรายงานว่า ราว 1 ใน 5 ของชาวฮ่องกงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากจน และได้รับค่าแรงขั้นต่ำเพียง 4.82 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง

ขณะที่ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงจัดว่าแพงอันดับต้น ๆ ของโลก ค่าเช่าห้องพักมีราคาสูงกว่าในนครนิวยอร์ก หรือกรุงลอนดอน โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาอสังหาฯในฮ่องกงพุ่งขึ้น 242% และเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงถูกประเมินว่า มีราคาสูงมากเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะมีเงินซื้อได้

นางลัมกล่าวว่า เตรียมจะจัดสรรที่ดินในฮ่องกง และพัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัยราคาเอื้อมถึงได้สำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยรายงานระบุว่า เป็นความพยายามที่จะยุติปัญหาราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงที่กำลังดิ่งลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการประท้วง

นายหลุยส์ หว่อง ผู้อำนวยการบริษัท Phillip Capital Management กล่าวกับ “ซีเอ็นเอ็น” ถึงสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า กำลังอยู่ในจุดที่ดำดิ่งเพราะเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ เป็นสิ่งที่อ่อนไหวมากต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจฮ่องกงเติบโตเพียง 0.6% อ่อนแอที่สุดในรอบทศวรรษ ขณะที่ดีมานด์การซื้อบ้านใหม่ลดลงอย่างมาก

โดยที่ผ่านมาผู้ซื้อหลักยังคงเป็น”เศรษฐีจีน” ขณะที่ปัจจัยเงินหยวนอ่อนค่าลง บวกกับเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงทำให้ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายบ้านใหม่ลดลงถึง 60% เทียบกับไตรมาสแรก ขณะที่บริษัทพัฒนาโครงการบ้านหรูก็เริ่มชะลอการเปิดตัวโครงการบ้านใหม่แล้ว

ตัวอย่างเช่น Sun Hung Kai Properties บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 3 ของเอเชีย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย. 2019 ยอดขายของบริษัทหายไปราว 14,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากดีมานด์การซื้อลดลงทำให้ชะลอเปิดโครงการใหม่ ขณะที่ CK Asset ของ “ลี กา ชิง” มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของฮ่องกง ระบุว่าบริษัทสูญเสียรายได้ไป 10,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าในเดือน เม.ย.ยังไม่มีการประท้วงเกิดขึ้น แต่เริ่มส่งสัญญาณความตึงเครียดระหว่างฮ่องกงกับจีน รวมถึงปัญหาสงครามการค้า

นักวิเคราะห์ของ Knight Frank โบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า มีความหวังจากนักธุรกิจบางส่วนที่เชื่อว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงอาจจะจบลงได้ภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เนื่องจากเป็น “วันชาติจีน” ครบรอบ70 ปี แต่ยังไม่รู้ว่าจะจบแบบ “สันติ” หรือ “แตกหัก”

อย่างไรก็ตาม สัญญาณลบที่เกิดขึ้นกับตลาดที่อยู่อาศัยในฮ่องกง 3 เดือนที่ผ่านมาประเมินว่า โอกาสที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวได้ภายในปีนี้ค่อนข้างยาก ทั้งยังมองว่าถึงสิ้นปีราคาบ้านในฮ่องกงจะลดลงอีก 5-10% จากราคาขายในปัจจุบัน ทั้งจากปัญหาการประท้วงที่อาจลากยาวถึงปลายปี และสัญญาณตอบรับจากมาตรการของรัฐบาลฮ่องกงที่จะเพิ่มพื้นที่พัฒนาที่อยู่อาศัยราคาถูก

ทั้งนี้ ปัจจุบันฮ่องกงมีพื้นที่สำหรับสร้างที่อยู่อาศัยเพียง 7% และอีก 65% เป็นพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ ส่วนพื้นที่ที่เหลือบางส่วนมีไว้สำหรับอสังหาฯเชิงพาณิชย์ของเหล่าเศรษฐี

ความท้าทายของมาตรการช่วยเหลือของนางแคร์รี่ ลัม นักวิเคราะห์มองว่า ไม่ใช่การออกแบบ หรือเงินลงทุนแต่อาจเป็นปัญหาเกี่ยวกับการขออนุญาตดัดแปลงผังเมืองฮ่องกง เพื่อจัดสรรพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยให้คนยากจน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกมากกว่าที่จะเริ่มโครงการได้

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!