คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : อมร พวงงาม
วันก่อนนั่งปากหวอ ฟัง “ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองประธานอาวุโส กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ของประเทศ ให้สัมภาษณ์เครือมติชน
ถึงมุมมองในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยที่อยากให้รัฐบาลใหม่เอาจริงเอาจัง มีหลายมุมน่าสนใจ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ในฐานะที่คลุกวงในอุตสาหกรรมรถยนต์มาตั้งแต่เกิด “ชนาพรรณ” เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐโดยเฉพาะ BOI มองคนตัวเล็กด้วย
ไม่ใช่การส่งเสริมเน้นไปที่เทคโนโลยี-นวัตกรรมและการลงทุนสูง ๆ
มันยากที่ “ซัพพลายเออร์คนไทย” จะไปถึง
ดังนั้นประโยชน์ส่วนใหญ่จึงตกกับนักลงทุนต่างประเทศ
ทำให้ทุกวันนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนคนไทยน้อยลง อยากให้มีนโยบายที่สนับสนุนคนไทยมากกว่าที่เป็นอยู่
อีกเรื่องที่น่ากังวล คือ การแย่งแรงงานไทย
“ปัญหาเรื่องคน” ต้องทบทวนด่วน ๆ เพราะอนาคตอันใกล้ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ
โดยเฉพาะแบรนด์จีน ที่รัฐบาลไปชักชวนมาลงทุนในประเทศไทยน่าจะได้เวลาเดินเครื่อง ซึ่งถึงตอนนั้นจะเกิดการแย่งงานกันมโหฬาร
ส่วนที่หลายคนบอกประเทศไทยยังมีบุญเก่าให้ใช้ไปได้เรื่อย ๆ บอสใหญ่ไทยซัมมิทบอก มีจริงแต่ยังไม่มากพอบุญหมดทีนี้ก็ต้องชดใช้กรรมกันล่ะ
“เรามองว่าไม่เกิน 8 ปี หรือเปลี่ยนรถอีก 2 รุ่น สิ่งที่ห่วงคือ อุตสาหกรรม EV อย่าให้ต่างชาติเข้ามาตักตวงทุกอย่าง
แล้วขนกลับไปบ้านเขาแบบฟรี ๆ ใช้ทรัพยากรบ้านเรา แล้วก็ส่งไปขายที่อื่น กำไรขนไปไว้ประเทศอื่น ตรงนี้น่าจะเป็นปัญหาที่ต้องแก้”
“ตอนนี้รถที่ใช้เครื่องยนต์ครองตลาดอยู่ แต่ก็เห็นชัดว่าคนเริ่มมองไฮบริดหรือรถ EV มากขึ้น เชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้ามาแน่
เพราะฉะนั้นช่วงเวลาอีก 8 ปี คำถามคือ ต้องสะสมบุญใหม่หรือจะปล่อยให้ถึงเวลาชดใช้กรรม”
ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องปรับตัว และต้องปรับภายใน 8 ปีนี้ด้วย สิ่งที่ต้องทำ 2 อย่างคือ
อย่างแรกช่วง 8 ปีนี้ ต้องรักษาแชมป์เอาไว้ให้ได้ เรื่องที่ 2 คือ หาน่านน้ำใหม่
หนึ่ง ต้องรักษาแชมป์เก่า
และ สอง เตรียมตัวชกบนเวทีใหม่ภายในระยะเวลาและทรัพยากรจำกัด
อีกเรื่องที่คนในอุตฯยานยนต์หงุดหงิดมาตลอดคือ การพลิกทุกอย่างไปที่ EV
ไม่อยากให้มองแค่ฉาบฉวย ทุกคนพูดเหมือนกันหมดจะลด PM 2.5 ลด Co2 ให้หันมาใช้ EV
“ไทยซัมมิท” เคยพูดตั้งแต่เวทีแรกว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้สะอาดเพราะแค่ไม่มีควันพิษจากท่อไอเสีย
แต่รถยนต์ไฟฟ้าจะสะอาดก็ต่อเมื่อพลังงานที่ใส่เข้าไปสะอาด
ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า ลด CO2 แล้วใช้ EV ก็ต้องตามไปดูว่าพลังงานที่ใช้ในการผลิต EV
รวมถึงพลังงานที่เติมเข้าไปในรถ EV สะอาดจริงหรือเปล่า ? ไม่ใช่แหล่งที่มาจากถ่านหิน ฟอสซิล
ดังนั้นทั้ง 3 เรื่องต้องบูรณาการไว้ในนโยบายเดียวกัน แยกกันไม่ได้ คือ การลด Co2 แก้ปัญหา PM 2.5, รถ EV และนโยบายพลังงาน
แยกกันไม่ได้ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้น กระทบต่ออุตสาหกรรม