ที่อาคารสยามเอสเคป วิทยาลัยผู้ประกอบการสร้างสรรค์นานาชาติรัตนโกสินทร์ (RICE) เปิดบ้านปลุกฝันคนรุ่นใหม่ เรียนรู้อาชีพที่ชอบ เติมประสบการณ์ในระดับโลก วิทยาลัยผู้ประกอบการสร้างสรรค์นานาชาติรัตนโกสินทร์ (RICE) จัดงาน Open House 2023 “Turning Your Passions To Be Global Professions” เปลี่ยน “ความชอบ” เป็น “อาชีพ” ก้าวสู่ตลาดสากล เพื่อให้ข้อมูลกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งนักเรียน นักศึกษาทั้งการออกแบบแฟชั่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ และอาชีพเชฟ เพื่อสร้างอนาคตในฝันให้เป็นจริง
ปัจจุบัน RICE เปิดหลักสูตรนานาชาติ 2 ปริญญาในสายอาชีพ 3 สาขา ได้แก่ หลักสูตรเชฟ หลักสูตรด้านการออกแบบสร้างสรรค์ ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) และการออกแบบแฟชั่นและพัสตราภรณ์ (Fashion Design) นักศึกษาจะศึกษาในไทย 3 ปี และศึกษาในสถาบันการศึกษาชั้นนำ
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- กดเงินไม่ใช้บัตร ATM พุ่ง 3 เท่า แห่เปิดใช้ข้ามแบงก์-เพิ่มค่าฟี
- ธ.ก.ส. เผย สินเชื่อดอกเบี้ยล้านละร้อย เหลือวงเงินกู้อีก 1.5 หมื่นล้าน
รวมฝึกงานในสนามจริงที่ประเทศฝรั่งเศสอีก 1 ปี เมื่อจบการศึกษาจะได้ปริญญาตรีในไทย 1 ใบ ปริญญาจากฝรั่งเศสอีก 1 ใบ สำหรับสาขาเชฟ นักศึกษาจะได้รับใบประกอบวิชาชีพที่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลฝรั่งเศส สามารถต่อยอดอาชีพได้ทั่วโลก
ดร.ณัฐพงศ์ โชติกเสถียร ผู้อำนวยการ RICE กล่าวว่า “อยากให้น้อง ๆ คนรุ่นใหม่เริ่มต้นมองจากความชอบก่อน และต้องมีทักษะที่ดีในสิ่งที่ตัวเองชอบ รวมถึงทักษะด้านบริหารจัดการให้ความชอบของเรากลายเป็นอาชีพ สุดท้ายเรารู้จักใคร เรามีเน็ตเวิร์กที่จะต่อยอดความรู้ของเรามั้ย”
นี่คือสิ่งที่วิทยาลัยดีไซน์หลักสูตรนานาชาติ 2 ปริญญา แบบ 3+1 คือเรียนในไทย 3 ปี เพื่อเรียนรู้วิชาชีพ แล้วไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงที่ประเทศฝรั่งเศส นั่นคือการต่อยอดสู่การเรียนรู้อาชีพจริง ๆ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ต่างจากที่อื่น
ด้านงานแฟชั่นดีไซเนอร์ ธรณ ชัชวาลวงศ์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ Tawn C. แบรนด์เสื้อผ้าสตรีตสไตล์เรียบโก้แบบสาวนิวยอร์ก, Mentor & Executive Producer รายการ Project Runway Thailand, Creative Director of Miss Universe Organization เล่าถึงประสบการณ์ตรงในเรื่องการเข้าสู่วงการสายอาชีพดีไซเนอร์ว่า
“การค้นพบความชอบตัวเองแล้วได้ลงมือทำ ถ้าใครเริ่มได้เร็วก็จะไปได้เร็ว แต่สำหรับธรณเองต้องบอกว่าเริ่มช้า เพราะสมัยนั้นตัวเองเรียนรัฐศาสตร์ แล้วก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ซานฟรานซิสโก แล้วก็มีโอกาสได้ไปนิวยอร์ก ซึ่งเพื่อน ๆ ที่รู้จักส่วนใหญ่ก็จะเป็น artist ทั้งดีไซเนอร์ กราฟิก ออกแบบ เราก็เริ่มรู้สึกว่า นี่แหละ คือทางที่เราชอบ
พอกลับมาก็เลยตัดสินใจนับหนึ่งอีกครั้งกับการเรียนแฟชั่นดีไซน์ ที่เป็น technical skill แล้วก็เริ่มสร้างฐานตัวเอง ซึ่งธรณอยากจะบอกน้อง ๆ ว่า ทุกอาชีพมันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ แต่เราต้องมีความมุ่งมั่น ต้องสามารถเอา passions มา turn in to professions ให้ได้ บวกกับการหาโรงเรียนที่เหมาะสมที่จัดหลักสูตรครบ มีเน็ตเวิร์กที่ดี เพื่อให้สามารถผลักดันคุณได้ก้าวไปสู่โลกกว้างในอนาคต”
วีรพร นิติประภา นักเขียนรางวัลดับเบิลซีไรต์ แนะนำคนรุ่นใหม่ที่อยากเรียนสายอาชีพว่า “เริ่มต้นเลยถ้าเรายังไม่รู้ว่าเราชอบอะไร อยากให้น้อง ๆ ได้ลองเรียนก่อน พี่ว่าสักหนึ่งปีก็จะรู้แล้วว่าใช่ในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือเปล่า หลังจากรู้แล้วเราก็ต้องหาโรงเรียนที่สามารถต่อยอดเรื่องการฝึกงานหรือไปต่อในสายงานได้ด้วย
ตรงนี้เองอยากให้ผู้ปกครองเข้าใจในปัจจุบันมันมีอาชีพที่เยอะมากที่สามารถสร้างรายได้ได้ ซึ่งอยากให้มองที่ผลสำเร็จของเค้ามากกว่า ถ้าเค้าทำได้และทำได้ดี เราควรยินดีกับการสร้างสรรค์อาชีพที่เค้ารัก อย่างเช่น เชฟ เดี๋ยวนี้ก็สามารถเป็นอาชีพที่ทำเงินได้มหาศาล และยังไปต่อยอดได้ถึงระดับโลกอีกด้วย”
ภัทรพงศ์ พรพนาพงศ์ Founder & Design Director แบรนด์ Pana Objects ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์และของแต่งบ้านงานไม้ เล่าว่า สายโปรดักต์จำเป็นต้องได้ลองและเรียนรู้ ต้องละเอียด สิ่งสำคัญคือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การคิดอย่างเดียวจะเป็นสิ่งที่อยู่ในอากาศ
ฉะนั้นต้องแปลความคิดออกมาเป็นสิ่งที่สามารถใช้ได้จริง ซึ่งสายงานนี้ต้องพัฒนาความคิดอยู่เสมอ ปรับแก้แล้วแก้อีก อาจจะใช้เวลานานหลายปี แต่พอออกแบบเสร็จแล้ว อาจจะเป็นโปรดักต์ที่ได้รางวัลก็ได้
ขณะที่เชฟมืออาชีพ “เชฟบิ๊บ-ชัชชญา รักตะกนิษฐ” กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการทำขนมหวานจาก Top Chef Thailand ขนมหวาน เล่าว่า ใครที่อยากทำงานในสายอาชีพเชฟ อยากให้ดูว่า ใช่สิ่งที่เราชอบหรือเปล่า แค่ชอบรับประทาน ชอบชิม หรือชอบทำ
ถ้าอยากรู้ว่าเราชอบจริงหรือไม่นั้น ต้องลองไปเรียน 1-2 วัน แล้วจะรู้เลยว่าระหว่างเรียนเราแฮปปี้มั้ย ถ้าเรียนแล้วอยากทำเพิ่มแสดงว่าใช่ทาง การเป็นเชฟต้องยืนทั้งวัน ไหวมั้ยกับความอดทนตรงนั้น
อีกสิ่งนอกเหนือจากความอดทนคือ วินัยในการทำงาน ไม่ใช่ว่าเก่งมีทักษะแล้วไม่มีวินัย อันนี้ไม่ได้เลยสำหรับอาชีพเชฟ หากใจเราพร้อมแล้ว อยากให้มองหาโรงเรียนที่มีหลักสูตรที่เหมาะกับเรา จะด้านอาหารคาว อาหารหวาน หรืออาหารจีน นี่คือสิ่งที่เราต้องคิดไว้
สิ่งที่ 2 คือโอกาสที่เราจะเติบโต สถาบันต้องมีเน็ตเวิร์กที่จะส่งเราไปได้ไกล ถ้าเราได้เรียนและได้ใช้งานจริงก็จะทำให้เราไปได้ดีในสายอาชีพนั้น ๆ ซึ่งทั้งหมดเราต้องมีความชอบเพื่อเปลี่ยนให้เป็นอาชีพที่เรารัก
