ตูน บอดี้สแลม “บางครั้งร้องไห้ แต่เลือกที่จะทำต่อไป”

วิ่งระดมทุนช่วยโรงพยาบาลระยะทางไกล 2,000 กว่ากิโล, ร้องเพลงเท่ ๆ ปลุกพลังให้กำลังใจผู้คน, พูดจาคม ๆ หล่อ ๆ สร้างแรงบันดาลใจเสมอ ๆ – ที่ว่ามานี้ ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ที่เป็นไอดอลของวัยรุ่นไทยมาแล้ว 10 กว่าปี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่ขวัญใจมหาชนทั่วประเทศ

“เหนื่อยบ้างมั้ยพี่ เคยท้อบ้างมั้ย” หลายคนมองเขาแล้วมีคำถามประมาณนี้

“ชีวิตดูดีจัง ประสบความสำเร็จไปหมด มีปัญหา หรือมีอะไรที่ทำไม่สำเร็จบ้างไหม” นี่ก็อีกคำถาม

“ผมเป็นคนที่ไม่ได้เก่งอะไรเลย ไม่ได้มีความสามารถพิเศษต่างจากคนอื่น อดทนก็พอ ๆ กับคนอื่น อารมณ์ร้อนเหมือนคนอื่น เป็นคนปกติธรรมดาที่ต้องเจอเรื่องความปกติธรรมดาในชีวิต แต่ในมิติของผม มันอาจจะไม่ได้เจอเหมือนกับคนในออฟฟิศ ของผมมันเป็นรูปแบบอื่น เคยเจอ บางครั้งก็ร้องไห้ แต่สุดท้ายเลือกที่จะทำต่อไป เพราะว่าเราโชคดีแค่ไหนที่เราได้ทำสิ่งที่เรารักที่สุด ได้เล่นดนตรี สามารถมีสตางค์ซื้อข้าวจากสิ่งที่เรารัก งานที่เราทำก็คืองานที่เรารัก เป็นสิ่งที่เราชอบตั้งแต่เด็ก ๆ” ตูนบอกขณะพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจในงาน BKK ON-AIR ของไนกี้

“ถ้าเราเจอปัญหาอุปสรรคจากเรื่องนี้ จากการทำสิ่งที่เรารัก แล้วเราไม่อดทนกับมัน ไม่พยายามหาทางออกให้มัน เราเลือกที่จะล้มเลิกแล้วไปเริ่มทำอย่างอื่นที่เราอาจจะรักน้อยกว่า หรืออาจจะมีค่าตอบแทนมากกว่า หรืออะไรก็ตาม เราจะเป็นคนแบบไหน แม้ขนาดสิ่งที่เรารักที่สุดในชีวิตเรายังเลิกกับมัน ไม่ได้สู้เพื่อมันจริง ๆ” ขณะที่ฟังตูนพูดมาถึงตรงนี้ เสียงเพลง “แสงสุดท้าย” และ “ความเชื่อ” ก็ดังขึ้นมาในหัว เพราะเนื้อเพลงกับสิ่งที่เขาพูดมันคือเรื่องเดียวกันและหลักคิดแบบเดียวกัน

“พักก่อน หลับสักตื่นหนึ่ง ออกไปจากมันสักพักหนึ่ง บางครั้งบางปัญหา พอเรากลับมา ที่เราเคยคิดว่าปัญหาเกิดจากโน่นจากนี่ ไม่เลย ปัญหาเกิดจากตัวเราเอง” ตูนบอกวิธีของตัวเอง เมื่อเจอปัญหา เหนื่อย หรือท้อ

เป็นนักร้องแล้วมาวิ่งการกุศล อนาคตจะขยายขอบเขตของตัวเองไปทางไหนอีก ? ร็อกสตาร์มหาชนบอกว่า “ไม่รู้จะมีวิวัฒนาการอย่างไรต่อไป หลังจากทำโครงการให้โรงพยาบาล 2 ครั้ง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ ไม่ว่าจะทำกิจกรรมลักษณะไหนก็ท้าทายตัวเองเสมอ อยากทำให้ตัวเองมีประโยชน์” แล้วเขาก็แซวตัวเองว่า “ตอบแบบดารารูปหล่อ” พร้อมหัวเราะ แล้วอธิบายต่อว่าอะไรเป็นแรงผลักที่อยากทำตัวให้มีประโยชน์กับสังคม

“ระหว่างทำโครงการ มันไปเจอกับอะไรที่มีความสุขมาก คือเรามาอยู่ตรงนี้ได้ ก็มาจากทุกคนช่วยสนับสนุนให้เราได้มายืนร้องเพลงบนเวทีแบบนี้ เราคิดว่าพอถึง ณ วันหนึ่ง สิ่งที่เราทำก็ย้อนกลับไปสร้างอะไรให้กับคนอื่น ๆ ได้บ้างไม่มากก็น้อย ตามกำลังที่เราจะมีในแต่ละช่วงเวลา ผมว่าอันนี้มันดีมากกับจิตวิญญาณ ก็คิดว่ามันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ถ้ามีแรงมากพอก็จะทำไปเรื่อย ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะอย่างไร ไปถึงตอนไหน”

ในด้านหนึ่งตูนเป็นไอดอล เป็นฮีโร่ เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ แต่อีกด้านหนึ่งมีคนมองว่า “เป็นคนดังทำอะไรก็ง่ายกว่าคนธรรมดา” แล้วซูเปอร์สตาร์อย่างเขาอยากบอกกับคนธรรมดาที่ “อยากทำอะไรเพื่อสังคม” อย่างไร…

ตูนบอกว่า จริง ๆ มันเริ่มได้เลย การเป็นคนดีของใครสักคนหนึ่ง การที่เป็นคนที่มีประโยชน์ต่อใครสักคนหนึ่ง มันเริ่มได้เลย โดยไม่ต้องใช้สตางค์ ไม่ต้องใช้เวลา ไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มาก  เริ่มจากการกลับไปถามพ่อกับแม่ว่ากินอะไรหรือยัง เป็นไงบ้าง

“เริ่มจากที่บ้านก่อน เพราะผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าภาพใหญ่มันจะสวย มันต้องเกิดจากจิ๊กซอว์เล็ก ๆ ที่ประกอบอย่างถูกต้อง ผมเชื่อในเรื่องขั้นบันได ค่อย ๆ เดิน ผมเชื่อว่าครอบครัวเล็กที่มีความสุขจะประกอบขึ้นเป็น 1 หมู่บ้าน และหลาย ๆ หมู่บ้านที่มีความสุขมากมันก็จะประกอบเป็นตำบลที่มีความสุขมาก ตำบลที่มีความสุขมากก็จะประกอบเป็นอำเภอที่มีความสุขมาก ผมเชื่ออย่างนี้จริง ๆ มันจะใหญ่ด้วยจำนวน คล้าย ๆ ที่ผมเปรียบเทียบก่อนออกวิ่งเบตง-แม่สาย ผมอยากให้ทุกคนเชื่อในเรื่องเงินจำนวนน้อย ๆ เงิน 10 บาทที่ทุกคนช่วยกัน บริจาค 70 ล้านคน คนละ 10 บาท ได้เงิน 700 ล้านไปซื้อเครื่องไม้เครื่องมือช่วยคุณหมอ พยาบาลให้มีประสิทธิภาพในการรักษา ตอนนี้เรามีเงิน 1,200 ล้าน มันมาจากจุดแรกที่เราเริ่มที่ 10 บาท มันเหมือนก้อนกรวดเล็ก ๆ …ถอดออกมามันคือเรื่องเดียวกัน”

ถ้าใครเคยดูบอดี้สแลมเล่นคอนเสิร์ตหรือเคยอ่านสัมภาษณ์ตูน เขาพูดเน้นเสมอว่า “ผมเป็นเด็กบ้านนอก” ซึ่งการที่เขาเน้นย้ำประเด็น “เด็กบ้านนอก” บ่อย ๆ เขาต้องมีนัยที่อยากสื่อสารกับเด็กบ้านนอกแน่ ๆ ด้วยความอยากได้ยินคำตอบจากปากของเขาแทนที่จะคิดเดาเอง เราฝ่าฝูงชนเข้าไปถามพี่ตูนว่าเขาอยากบอกอะไรกับเด็กบ้านนอก  

“ผมอยากจะบอกว่าทุกคนทำทุกอย่างให้เป็นจริงได้ แม้แต่คนที่ไม่ได้มีโอกาสอยู่ในเมืองหลวง ไม่ได้เกิดในกรุงเทพฯ ก็สามารถทำให้สำเร็จได้” คือคำตอบของซูเปอร์สตาร์ที่มีพื้นเพถิ่นกำเนิดที่จ.สุพรรณบุรี

อย่างที่เห็นกันว่าผู้ชายคนนี้ชีวิตดี๊ดี ทำอะไรก็สำเร็จไปหมด ในกระบวนการถ่ายทอดความคิดความฝันแล้วทำมันให้ออกมาเป็นความจริง ตูนบอกว่า ตัวแปรหนึ่งสำคัญมากคือ ความสนุก

เขาบอกว่าความสนุกเป็นตัวแปรที่ต้องใส่เข้าไปในทุกสมการ ทุกงาน ทุกโปรเจ็กต์ แล้วสิ่งที่ทำจะประสบความสำเร็จไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งความสำเร็จของแต่ละคนอาจจะได้มาไม่เท่ากัน ไม่พร้อมกัน แต่ตราบใดที่ยังสนุกอยู่ ความสนุกที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อคือสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว

“เรามีความสุขมากกับระหว่างวันที่เราได้ทำ ทุกข์บ้าง ท้อบ้าง มีปัญหาให้แก้บ้าง สนุกกับมัน ผมว่าถ้าใครเจอสิ่งที่ชอบแล้ว จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลยที่เราจะรู้สึกสนุกกับมันไปได้ตลอดชีวิต”