กกร. ชี้ 3-5 ปีข้างหน้า เอเปคสร้างเม็ดเงินเข้าเศรษฐกิจไทย 5-6 แสนล้านบาท

กกร.

สนั่น เผยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน “สรุปภาพรวมการจัดงาน APEC 2022 : ประเทศไทยได้อะไรจากการประชุม” ชี้เอเปคสร้างเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทยใน 3-5 ปีข้างหน้า 5-6 แสนล้านบาท ขอรัฐบาลใหม่สานต่อผลสำเร็จเอเปค

วันที่ 21 ธันวาคม 2565 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า การจัดประชุมเอเปค 2022 (APEC 2022) ที่มีผู้นำสมาชิกเขตเศรษฐกิจ 21 เขตเข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกลุ่มเอเปคมีประชากรร่วมกัน 2.8 พันล้านคน จีดีพีร่วมกันกว่า 59% ของจีดีพีโลก ซึ่งมีสัดส่วนการค้าระหว่างไทยกับสมาชิกสูงถึง 69.8% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยทั้งหมด

โดยที่ประชุมเห็นพ้องกับการนำแนวคิดเศรษฐกิจ BCG มาขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด-19 อย่างยั่งยืน สมดุล และครอบคลุม พร้อมรับมือความท้าทายในอนาคตโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเศรษฐกิจ BCG จะทำให้คนไทยได้ประโยชน์มากที่สุด

สนั่น อังอุบลกุล
สนั่น อังอุบลกุล

การประชุมเอเปค 2022 ที่ผ่านมา ถือว่าคนไทยได้ประโยชน์อย่างมาก และไม่ต้องการให้คนไทยมองว่าประชุมเสร็จแล้วจบ แต่ควรที่จะนำผลการประชุมเหล่านั้นมาขยายต่อและสร้างเพื่อให้ก่อประโยชน์ต่อประเทศไทยให้อย่างเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด

โดยถือเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดไหน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือต่างจังหวัด ทุกคนล้วนมีส่วนช่วยต่อยอดโอกาสนี้ และขอให้รัฐบาลใหม่ไม่ว่าพรรคไหนขอให้สานต่อความสำเร็จของเอเปค เพราะเอกชนเดินต่อคนเดียวไม่ได้ ต้องมีแรงสนับสนุนจากรัฐบาล

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย ได้สรุปผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจและสังคมจากการประชุมเอเปค และ APEC CEO Summit 2022 ว่า การเป็นเจ้าภาพเอเปคส่งประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 3-5 ปีข้างหน้ารวมทั้งสิ้นประมาณ 5-6 แสนล้านบาท โดยในช่วงระยะสั้นภายใน 3-6 เดือน จะส่งเสริมภาพลักษณ์ Soft Power และความเข้าใจต่อไทยผ่านการประชาสัมพันธ์ อาหาร และวัฒนธรรมไทยที่ได้นำเสนอผ่านการประชุมและงานเลี้ยงรับรองต่าง ๆ ซึ่งสร้างประโยชน์สำคัญ 2 ประการ

Advertisment
ธนวรรธน์ พลวิชัย
ธนวรรธน์ พลวิชัย

คือ 1.ส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น 1-2 แสนคน จากอิทธิพลของสื่อต่าง ๆ เรื่องเอเปค โดยจะสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่องของไทยถึงประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และ 2.สร้างการรับรู้และช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ (FDI) ในอุตสาหกรรม BCG พลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า EV เศรษฐกิจดิจิทัล และอุตสาหกรรมภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว และธุรกิจบริการสุขภาพ เป็นต้น โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

ส่วนประโยชน์ระยะยาว ภายใน 3-5 ปี คาดว่าจะสร้างการลงทุน FDI มูลค่าประมาณ 6 แสนล้านบาท ภายใน 3-5 ปี โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1.การค้าและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างไทยกับจีน ทั้งนี้ ในห้วงการประชุมที่ผ่านมา ไทยและจีนเห็นพ้องกันในการเพิ่มมูลค่าและอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้ พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนซึ่งกันและกันในอุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมสีเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Advertisment

นอกจากนี้ ไทย-จีนจะใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP และส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงทางราง รวมถึงการดำเนินการโครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งคาดว่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับจีนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 แสนล้านบาท

2.การค้าและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างประเทศไทยกับซาอุดีอารเบียและกลุ่มประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Corporation Council-GCC) 6 ประเทศ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต การ์ตา โอมาน บาเรน และยูเออี โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย 12 สาขาในด้านพลังงาน ปิโตรเคมี เกษตร เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพและบริการ ในพื้นที่ EEC ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าโดยรวมประมาณ 1-3 แสนล้านบาท

3.การลงทุนในอุตสาหกรรม BCG ยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานทดแทนที่มาจากประเทศอื่นนอกจากจีนและซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 5 หมื่น-1 แสนล้านบาท

4.การลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัล E-commerce และ Robot ที่มาจากประเทศอื่นนอกจากจีนและซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 5 หมื่น-1 แสนล้านบาท

5.การลงทุนในธุรกิจบริการอื่น ๆ เช่น การท่องเที่ยว การบริการสุขภาพและความงาม และโลจิสติกส์ ที่มาจากประเทศอื่นนอกจากจีนและซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 5 หมื่น-1 แสนล้านบาท

การจัดงาน APEC ในครั้งนี้ สร้างโอกาสและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ดังนั้น โอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเปิดแล้ว และเป็นโอกาสสำคัญกับหลาย ๆ Sector อาทิ ภาคการค้าและการลงทุน จะเกิดการจ้างงาน เกิดการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้กับคนไทย รวมถึงการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีขั้นสูง

ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับอานิสงส์เช่นกัน เชื่อว่าในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้เป็นเท่าตัว และจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มเติมอีกในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ภาคท่องเที่ยวและบริการของไทยฟื้นตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น