เอกชนจับตาสูตรตั้งรัฐบาลใหม่พรรคเสียงข้างมาก ปลุกความเชื่อมั่นประเทศเร็วที่สุด

สนั่น อังอุบลกุล
สนั่น อังอุบลกุล

เอกชน เกาะติด สูตรตั้งรัฐบาลใหม่จากพรรคเสียงข้างมาก หวังเดินหน้านโยบายปฏิรูป ปลุกความเชื่อมั่นประเทศเร็วที่สุด

วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับผลการเลือกตั้ง 2566 สะท้อนเห็นได้ชัดว่าประชาชนตื่นตัวมาก มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 40 ล้านคน เกินกว่า 75% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 52 ล้านคน และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ ประชาชนทุกช่วงวัยตัดสินใจเลือกในส่วนของ 2 พรรคหลัก เกินกว่า 50% ในระบบ Party list แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเปลี่ยน

สำหรับผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกลมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ตามหลักการก็มีสิทธิที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน และครั้งนี้เราเห็นหลายพรรคการเมืองออกมาประกาศเจตนารมณ์ว่าจะให้เกียรติพรรคการเมืองลำดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน จึงต้องรอติดตามว่าหลังจากนี้กระบวนการจับมือตั้งรัฐบาลจะออกมาในลักษณะใด

ภาพการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกล ประสบความสำเร็จในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองหน้าใหม่ในการเมืองไทย เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ก็ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านและพิสูจน์บทบาทเชิงการเมืองมามากพอสมควร หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงเข้มแข็งและเข้ามาบริหารประเทศก็เชื่อว่าการทำงานของฝ่ายบริหารก็จะสามารถขับเคลื่อนต่อไป

ส่วนเรื่องนโยบายของพรรคแกนนำ และพรรคร่วม คงต้องรอติดตามว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะประกอบไปด้วยพรรคการเมืองใดเข้ามาร่วมบ้าง ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยและตกลงนโยบายของแต่ละพรรคก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นชุดนโยบายที่ออกมาชัดเจน แต่วันนี้หากดูจากพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนอย่างก้าวไกล สิ่งที่เราเห็นคงเป็นประเด็นเรื่องการเร่งปฏิรูปกฎหมาย และนโยบายสวัสดิการต่าง ๆ

ในมุมมองภาคเอกชนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นภาพคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ตัวอย่างหลายประเทศก็มีผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา แต่สิ่งสำคัญคือการผสมผสานคนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เช่นเดียวกับภาพของธุรกิจที่วันนี้เราจะเห็นได้ว่ามีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตในการเลือกตั้งครั้งนี้คือไม่มีพรรคใดได้รับเสียงที่ชนะขาดแบบท่วมท้น ทำให้เราจะเห็นภาพของพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ทิ้งห่างกันไม่มาก ความเป็นไปได้ที่พรรคอันดับ 1 จะจับมือกับอันดับ 2 หรือ รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลในหลากหลายสูตร เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่วันนี้ทุกภาคส่วนอยากเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถบริหารงานได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก

ดังนั้น วันนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นคือกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็วตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย เพราะทุกภาคส่วนจะได้เห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ รวมไปถึงชุดนโยบายต่าง ๆ ที่จะออกมาตามที่พรรคแกนนำจัดตั้งและพรรคร่วมได้ตกลงกันที่ก็จะมีความชัดเจน ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศได้เป็นอย่างมาก