เปิดใจ เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผอ.อคส. ลาออกแล้ว มีผล 1 มี.ค. 67

เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต
เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต

“เกรียงศักดิ์” ผอ.อคส. ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว มีผล 1 มีนาคม 2567 นี้ ส่วนบอร์ด อคส. ได้ลาออกทั้งหมด เพื่อเปิดทางสรรหาใหม่ พร้อมเปิดผลงาน 3 ปีที่ผ่านมา สะสางคดี-หารายได้

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ผอ.อคส ต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากอยู่ในตำแหน่งนี้มานานกว่า 3 ปี  ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563

เหตุลาออก

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า การลาออกเพื่อต้องการพักผ่อน และเปิดทางให้บุคคลอื่น ที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนโดยการลาออก จะมีผลวันที่ 1 มีนาคม 2567 นี้ ส่วนคณะกรรมการ (บอร์ด อคส.) 11 คนนั้น ประธาน รองประธาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวม 7 คน ได้ทยอยลาออกมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 และรายสุดท้ายลาออกเมื่อเดือนตุลาคม 2566 คงเหลือเพียงตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากนี้ อคส.ต้องประกาศสรรหาบอร์ด และผู้อำนวยการคนใหม่

ผลงาน 3 ปี

การทำงานตำแหน่ง ผอ.อคส. กว่า 3 ปีที่นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ได้สะสางปัญหาต่าง ๆ ของ อคส.ที่สะสมมานาน โดยเฉพาะเร่งรัดด้านคดีความที่เกิดจากการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา ทั้งจำนำข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

ตั้งแต่ก่อนปี 2551 และหลังปี 2551 รวมมากกว่า 1,000 คดี รวมถึงคดีใหม่ คือ ทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง ที่ทำให้ อคส.เสียหายมากถึง 2,000 ล้านบาท และเกิดขึ้นก่อนที่จะรับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วัน โดยคดีต่าง ๆ มีความคืบหน้าเป็นลำดับ รวมถึงระบายสินค้าเกษตรค้างสต๊อกมานานจนหมด ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด

คืบหน้าคดี

ขณะที่การดำเนินคดีทุจริต แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ

1.ทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดผู้กระทำผิดแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค. 2566 และกำลังพิจารณาสั่งฟ้องโดยสำนักงานอัยการสูงสุด

ส่วนคดีความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ อคส. 7 รายที่ถูกชี้มูลความผิดนั้น อคส.ได้ออกคำสั่งให้ชดใช้ความเสียหายแล้ว อยู่ระหว่างเสนออัยการให้ดำเนินคดีทางแพ่ง สำหรับคดีอาญาฟอกเงิน อคส. ประสานงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ฟ้องแล้ว

2.คดีปกครอง (แพ่ง) ทุจริตจำนำข้าว 483 คดี ศาลปกครองกลางตัดสินให้ อคส. ชนะ 45 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 3,395 ล้านบาท และแพ้คดี 38 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 1,317 ล้านบาท

3.มันสำปะหลัง 205 คดี อคส. ชนะ 92 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 6,257 ล้านบาท และแพ้ 5 คดี ต้องจ่าย 62 ล้านบาท

4.ข้าวโพด 12 คดี อคส.ชนะ 3 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 278 ล้านบาท และไม่แพ้คดีเลย

5.โครงการรัฐก่อนปี 51 จำนวน 49 คดี อคส.ชนะ 12 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 43 ล้านบาท และแพ้ 1 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 39 ล้านบาท

หารายได้

ขณะเดียวกัน อคส.ยังเร่งหารายได้ ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดปี 2565 มีรายได้รวม 707 ล้านบาท จากปี 2562 ที่ 306 ล้านบาท ขาดทุน 99 ล้านบาท ลดจาก 157 ล้านบาทในปี 2562 เป็นผลจากการลดรายจ่าย และเน้นธุรกิจคลังสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงมาก ทำให้มีรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้ากว่า 73 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 25 ปี

ส่วนปี 2566 คาดขาดทุน 70 ล้านบาท มีรายได้รวม 718 ล้าน และรายได้คลังสินค้า 79 ล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 25 ปีอีกครั้ง ขณะที่ปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากค่าเช่าคลัง 85 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง

สำหรับผลประกอบการรวมงานโครงการของรัฐบาล ปี 2565 ขาดทุน 305 ล้านบาท จากปี 2562 ที่ขาดทุนสูงถึง 11,793 ล้านบาท และขาดทุนสะสมรวมทุกโครงการ 584,337 ล้านบาท

แต่ปี 2566 คาดว่าจะขาดทุนลดลงเหลือ 442 ล้านบาท อีกทั้งยังส่งเงินคืนกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร 4,305 ล้านบาท

ปรับรูปแบบทำงาน

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา อคส.ยังลดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจแบบเดิมของ อคส. ที่ซื้อสินค้าด้วยเงินสดแล้วนำมาขายต่อแบบเงินเชื่อ กำไรต่ำ ความเสี่ยงสูง และเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ ซึ่งปี 2563 เก็บเงินไม่ได้ถึง 146 ล้านบาท

พร้อมกันนั้น ยังริเริ่มโครงการใหม่ๆ แต่ยังไม่ทันได้เริ่มดำเนินการ เช่น ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกับจีน และเมียนมา ในการทำคลังสินค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนใน 2 ประเทศ เป็นต้น

ประเมินคะแนนหน่วยงานดีขึ้น

โดยผลจากการเร่งรัดดำเนินคดี ทำให้ตั้งแต่ปี 2564-66 อคส.มีคะแนน ITA ที่ประเมินโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สูงกว่า 93% ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน และติด 1 ใน 3 หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้คะแนนสูงสุด โดยปี 2566 อคส. มีคะแนน 94.61, ปี 2565 มีคะแนน 94.69 และปี 2564 มีคะแนน 93.59

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกของนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต และบอร์ด อคส. เพื่อเปิดทางให้ฝ่ายการเมืองสรรหาบุคคลใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ

เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ผู้นำสูงสุด และบอร์ดของรัฐวิสาหกิจที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดเก่า ต้องลาออก เพื่อสรรหาใหม่ เพื่อที่จะสนองนโยบายการทำงาน และจากสังเกตุส่วนใหญ่ ผอ.และบอร์ด อคส. จะมารับนโยบายการทำงาน เพราะต้องมีความไว้ใจ ถึงสามารถเดินหน้าทำงานได้