“อินโนพาวเวอร์” แจงแผนธุรกิจปี 2567 ผนึกพันธมิตรศึกษาโอกาสลงทุนตั้งโรงงานประกอบ EV พร้อมเดินหน้า “พันธมิตร พิชิตคาร์บอน (Decarbonization Partner)” รุกตลาดธุรกิจเอกชน รับมือกระแสที่ต้องมุ่งไปสู่สังคมไร้คาร์บอน พร้อมประกาศเป้าหมายรายได้เติบโต 100% เป็น 300 ล้านบาท ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ อีกเท่าตัว 2 ล้านตัน
วันที่ 19 มีนาคม 2567 นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตทั้งด้านรายได้จะเติบโต 100% เป็น 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีประมาณ 150.4 ล้านบาท ทั้งยังวางเป้าหมายด้านการลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็น 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1 ล้านตัน หรือลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้น 100% เช่นกัน
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ล่าสุดขณะนี้บริษัทร่วมกับพันธมิตรจากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรม EV (EV Menufacturer) อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจโรงงานประกอบรถ EV ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าหากได้ข้อสรุปในไตรมาส 2 จะนำไปสู่การลงทุนในเฟสแรกใช้งบประมาณ 400-500 ล้านบาท ธุรกิจนี้จะเป็นธุรกิจใหม่ที่จัดอยู่ในกลุ่ม mobility
ซึ่งธุรกิจกลุ่ม Mobility นี้ นอกจากจะมีการทำเครื่องชาร์จ EleXa แล้วยังมองหาโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้าไปเป็นไปส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV Value Chain) ให้ครบเพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตัวอย่างโครงการในปีนี้ ได้แก่ การบริหารจัดการ Fleet Card หรือบัตรชำระค่าอัดประจุไฟฟ้าของรถ EV สำหรับองค์กรอีกด้วย
ชูพันธมิตรพิชิตคาร์บอน
พร้อมกันนี้ อินโนพาวเวอร์ วางแนวทางการดำเนินธุรกิจ ปี 2567 ผ่าน Decarbonization Partner หรือการเป็นพันธมิตร พิชิตคาร์บอน ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวรับมือกระแส Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ที่ต้องการได้รับคำแนะนำ แนวทางการบริหารจัดการคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่เหมาะสม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ช่วยผู้ประกอบการก้าวข้ามขีดจำกัดในการแข่งขันที่ต้องคำนึงถึง ESG หรือการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Environmental)
สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าหมายให้ได้พันธมิตร 100 ราย
สำหรับกิจกรรมและการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Decarbonization Partner บริษัทมีโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ประกอบด้วย 1) Greenhouse Gas Report (GHG) หรือแพลตฟอร์ม GHG สำหรับคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นการสร้าง Awareness หรือความตระหนักรู้ให้แก่บริษัทผู้ประกอบการสำรวจธุรกิจของตนเองว่ามีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับใด เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจในการเข้าถึงเป้าหมายไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)
ซึ่งในช่วงนี้แพลตฟอร์ม GHG จะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการได้ใช้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าในจำนวนจำกัด จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมสำรวจธุรกิจของตนเองเพื่อวางแผนได้อย่างเหมาะสม
2) Renewable Energy Certificate (REC) หรือแพลตฟอร์มสนับสนุนการขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกใบรับรอง REC ให้กับผู้ประกอบการไปแล้วกว่า 2 ล้านREC โดยในปี 2567 ได้ขยายการออกใบรับรองให้เข้าถึงองค์กรและประชาชนรายย่อยครั้งแรกในประเทศไทยโดยร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย
3) Energy Ignition Ventures (EIV) หรือการลงทุนในกองทุนและสตาร์ตอัพด้านนวัตกรรมพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทร่วมกับ TRIREC ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital) จากประเทศสิงคโปร์ โดยมีแผนการลงทุนในสตาร์ตอัพกลุ่ม Decarbonization Technology ที่เริ่มเติบโตมาแล้วระยะหนึ่ง และมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
โดยมองว่า หลาย ๆ บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนเทคโนโลยีที่เหมาะสม และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการลงทุนสามารถนำเทคโนโลยีมาต่อยอดกับธุรกิจของตนได้ ซึ่งในเรื่องความยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะธุรกิจพลังงานเท่านั้น ยังกระจายไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ด้วย โดยตั้งเป้าหมายกองทุน EIV ในการระดมทุนไว้เบื้องต้นที่ประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปี 2566 REC เติบโตพุ่ง 616%
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงของการก่อตั้งธุรกิจ บริษัทมีรายได้รวม 150.4 ล้านบาท เติบโต 700% จากปี 2565
โดยในแต่ละธุรกิจมีการเติบโต ดังนี้ ในส่วนของ Future of Energy (พลังงานแห่งอนาคต) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมทางด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด และ Sustainability (นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน) การให้คำปรึกษา การบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนในองค์กร และการจัดหาซื้อขายใบรับรองไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC) เติบโตเพิ่มขึ้น 616% จากปี 2565
ในส่วนของ Future of Mobility (วิถีการเดินทางแห่งอนาคต) เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านยานยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์เชื้อเพลิงสะอาด เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโต 703% จากปี 2565 โดยกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40%
“ผมมองว่าการขยายตัวทางธุรกิจของอินโนพาวเวอร์ในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งกับปีแรกของการดำเนินธุรกิจ และจากการที่ทีมได้ทำงานเชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้ต่ออินโนพาวเวอร์ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แม้ว่ายังเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดและกลุ่มลูกค้ามากนัก
แต่บริษัทมีความมุ่งมั่น และทุ่มเทเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และในปี 2567 น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งสำหรับอินโนพาวเวอร์ในการขับเคลื่อน Decarbonization Partner พร้อมให้ความมั่นใจกับพันธมิตรที่ร่วมพิชิตลดคาร์บอนได้ว่า เราจะใช้ความรู้ และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญช่วยให้พันธมิตรของเราบรรลุเป้าหมายที่มุ่งสู่ Net Zero ได้อย่างมีประสิทธิผล ด้วยการลงทุนอย่างเหมาะสม” นายอธิปกล่าว
บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (INNOPOWER Company Limited) เกิดจากความร่วมมือของ 3 พันธมิตรด้านพลังงานไฟฟ้า ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO)
โดยดำเนินธุรกิจครบวงจรด้านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด โดยการให้คำปรึกษา การบริหารจัดการเพื่อสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ การพัฒนานวัตกรรมทางด้านพลังงาน (Future of Energy) ธุรกิจยานยนต์แห่งอนาคต (Future of Mobility) รองรับการเปลี่ยนผ่านยานยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์เชื้อเพลิงสะอาด รวมทั้งการลงทุนในความยั่งยืน (Invest in Sustainability)