กกร. ขอเว้นภาษี SMEs 5-7% ดันเข้าระบบ คาด GDP ปี’67 ยังโตได้ถึง 3.3%

กกร.

กกร.คาด GDP ปี 2567 โตในกรอบ 2.8-3.3% ส่งออก 2-3% หลังเศรษฐกิจไทยและคู่ค้าเริ่มฟื้นตัว แม้จะยังมีความเสี่ยงสูง ชงรัฐยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SMEs ที่มีศักยภาพ 5-7 ปี จูงใจเข้าระบบจดทะเบียนนิติบุคคล ช่วยเข้าถึงเงินทุนง่ายขึ้น ลุ้นรัฐออกมาตรการเก็บ VAT ซื้อสินค้านำเข้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท สกัดสินค้าถูกทุ่มตลาด

วันที่ 3 เมษายน 2567 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในฐานะประธานการประชุมว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้ในกรอบประมาณการเดิมที่คาดการณ์ไว้ คือ 2.8-3.3% แต่จะอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงสูง และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของไทยที่ทำให้การส่งออกฟื้นตัวได้ช้าและไม่ทั่วถึง โดยส่งออกปี 2567 ยังคงคาดว่าจะอยู่ที่ 2-3% เงินเฟ้ออยู่ที่ 0.7-1.2%

เกรียงไกร เธียรนุกุล
เกรียงไกร เธียรนุกุล

อีกทั้งอุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอ เศรษฐกิจไทยจึงต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มเติมจากทั้งนโยบายการคลังในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการกระตุ้นอื่น ๆ และนโยบายการเงินซึ่งจะเป็นในรูปของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือการปรับลดค่าธรรมเนียม FIDF อย่างที่เคยทำในอดีต ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินให้กับภาคครัวเรือนและธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับสัญญาณเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น โดยเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง และเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณบวกที่หนุนการทยอยฟื้นตัว นอกจากนี้ทิศทางนโยบายการเงินของประเทศหลัก เช่น อังกฤษและยุโรป มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่ได้รีบลดดอกเบี้ยเร็วและแรงเหมือนที่นักวิเคราะห์เคยคาดไว้ ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีทิศทางผันผวนอ่อนค่า

“สินค้าส่งออกสำคัญของไทยหลายรายการที่ส่งออกยังไม่ค่อยดี เช่น รถยนต์สันดาป Hard Disk Drive (HDD) และผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่วนสินค้าที่ส่งออกได้ดี เช่น ยางรถยนต์และเนื้อสัตว์แปรรูป แต่ก็มีสินค้าบางตัวที่ต้องเจอกับการแข่งขัน จากการนำเข้ามาจากต่างประเทศ เหมือนที่พูดมาตลอดว่าภาคการผลิตไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัว และบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่น”

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยยังต้องจับตาเรื่องของปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังมีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะเริ่มเห็นประเทศที่แบ่งขั้วชัดเจน จะหันมาค้ากับประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ขัดแย้งกัน ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องหาโอกาสสร้างความได้เปรียบทางการค้า โดยเลือกกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจง กับบริบทของแต่ละภาคการผลิตในแต่ละตลาดส่งออก ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิต และความเข้มข้นในการแข่งขันในแต่ละอุตสาหกรรม

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ด้วยปัญหาของผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพ แต่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ ยังไม่ถูกแก้อย่างจริงจัง จึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มกลไกในการสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อสร้างฐานข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาสินเชื่อตามกลไกตลาด โดยส่งเสริมให้จดทะเบียนนิติบุคคล ด้วยการยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ 5-7 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการปรับตัว พร้อมปรับเงื่อนไข และเพิ่มทรัพยากรของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเกิดความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น

ทั้งนี้ กกร.ยังขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ ที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้านำเข้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการแข่งขันของผู้ประกอบการภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการแก้ไขสินค้าไม่มีคุณภาพทั้งระบบ ภาครัฐควรพิจารณาปรับเงื่อนไขการใช้สิทธิประโยชน์เขตปลอดอากร (Free Zone) รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดการตรวจจับสินค้าสำแดงเท็จที่นำเข้าผ่านด่านศุลกากร โดยสนับสนุนเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสแกนสินค้า ตลอดจนเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบของการใช้สินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ