“สมคิด” Game Changer

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ปาฐกถาพิเศษ “Game Changer…เกมใหม่ เปลี่ยนอนาคต” จัดโดยหนังสือพิมพ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ในวาระครบรอบ 42 ปี เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 61

เครื่องยนต์ ศก. Q1 ขยายตัวยกแผง

จากการรายงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปี 2561 เติบโตร้อยละ 4.8 บนพื้นฐานทางเศรษฐกิจทุก sector เครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัวกำลังขับเคลื่อนและต้องรักษา momentum ไว้ให้ดี เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจหมุนไปได้อย่างต่อเนื่อง

“ตัวเลขภาคเกษตรเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.5 มีเงินมาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจชนบทมากขึ้น การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวถึงร้อยละ 3.1 ภาคอุตสาหกรรมแม้ภาคการผลิตจะขยายตัวร้อยละ 3.7 แต่อัตราการใช้กำลังการผลิต ขยายตัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว หรือร้อยละ 7.2 เป็นสัญญาณว่าจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดหมุนของเศรษฐกิจทุกภาคส่วน”

ตัวเลขส่งออกเดือนเมษายนเติบโตร้อยละ 12 เฉลี่ย 4 เดือน เติบโตร้อยละ 11 การลงทุนจากต่างประเทศ ประเทศไทยจะเป็นดาวรุ่งของภูมิภาค การใช้จ่ายภาครัฐแม้ที่ผ่านมายังไม่สามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายได้มากเท่าที่ควร แต่ได้เร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าหมาย

การท่องเที่ยว รายได้ขยายตัวถึงร้อยละ 20 จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ภาคท่องเที่ยวจะไม่ใช่ sector ของแถมอีกต่อไป เพราะเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของ GDP ตัวเลข GDP ที่ประกาศออกมา ถ้าไม่มีปัจจัยที่มาขัดจังหวะ ความเชื่อมั่นจะมีมากขึ้นแน่นอน เศรษฐกิจไทยโดดเด่นมากขึ้นเป็นลำดับ

มาร์เก็ตแคป 17.5 ล้านล้าน

ปลายปี 2557 การเติบโตของ GDP มูลค่า 13.2 ล้านล้าน 2 ปีผ่านไป สิ้นปี 2560 GDP เพิ่มขึ้น มูลค่า 15.4 ล้านล้าน ในช่วงปลายปี 2557 ดัชนีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1,400 จุด ขณะนี้ 1,700 จุด มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap) จากปลายปี 2557 มูลค่า 13.2 ล้านล้าน ขณะนี้ขยายตัวมูลค่า 17.5 ล้านล้าน ภายในระยะเวลา 2 ปี market cap โตขึ้น 4 ล้านล้าน เป็นความมั่งคั่งของประเทศชัดเจน

หามาตรการสร้างความมั่งคั่งสู่ ศก.ฐานราก

นายสมคิดกล่าวว่า ทุกภาคส่วนต้องทำให้ความมั่งคั่งก่อตัวมากขึ้น และยั่งยืนลงไปถึงเกษตรกร คนยากคนจน คนใช้แรงงานได้มีโอกาสสัมผัสความมั่งคั่งเหล่านี้ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลทุกรัฐบาล คำว่ารวยกระจุก มีมานานแล้ว เพราะไม่มีรัฐบาลใดปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้รวยกระจายออกไป แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามทำมาโดยตลอด

ถ้าดัชนีตลาดหุ้นขึ้นมา 4.4 ล้านล้าน ในอีก 2 ปี คนชั้นกลางก็จะได้ประโยชน์

บริหาร-ปฏิรูป ศก.เพื่ออนาคต

“รัฐบาลพยายามมากและจะพยายามต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าเวลาจะหมด ยอมอดทน ยอมฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่จะมีสติ เพราะการบริหารเศรษฐกิจไม่สามารถบริหารตามใจคนได้เปลี่ยนเพื่ออนาคต ไม่ใช่เพื่อคนรุ่นนี้ แต่เพื่ออนาคตคนรุ่นหน้า ถึงเวลาหนึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องไปและส่งไม้ต่อให้รัฐบาลถัดไป”

3 ปีที่แล้วเข้ามาเพื่อ 1.ไม่ให้เศรษฐกิจทรุด แต่ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป 2.การปฏิรูปครั้งนี้อย่าให้พลาดโอกาส เมื่อปี 2548 เศรษฐกิจดีมาก แต่พลาดโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง เอื้อคนส่วนใหญ่ ครั้งนี้ต้องไม่พลาด ทุกคนต้องร่วมกันก้าวข้ามช่วงเวลานี้ไปให้ได้

ผนึก ธปท.-คลัง-ก.ล.ต. ปักหมุด Startup

นายสมคิดกล่าวถึงหัวข้อการสัมมนา Game Changer ว่า “หมายถึงการปรับเปลี่ยนเกมด้วยตัวเอง โลกเปลี่ยน บุญเก่าหมด ในอนาคตบุญเก่าอาจเป็นตัวถ่วงเสียด้วยซ้ำ”

“ผมคิดว่ามี 5 ตัวแปร เพิ่มเติมจากเสาหลักเศรษฐกิจปัจจุบัน ได้แก่ ตัวแปรแรก การสร้างมูลค่า (value driven) ภาคการผลิตและบริการ โดยการสร้างคุณภาพ มาตรฐาน และเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดนวัตกรรม โดยเฉพาะดีไซน์ เช่น การใช้วัฒนธรรมให้เป็นจุดเด่น เพราะประเทศไทยไม่มีคู่แข่ง”

ตัวแปรที่สอง การสร้างเศรษฐกิจของผู้ประกอบการรายใหม่ (entrepreneur economy) ผู้ประกอบการของคนหนุ่มสาว เพื่อให้เป็น inclusive growth อย่างยั่งยืน สร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ (ecosystem) ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทุกภาคส่วนไปดูว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็น startup nation

Transform เอสเอ็มอีสู่ดิจิทัล

ตัวแปรตัวที่สาม สำคัญอย่างยิ่ง คือ เรื่องดิจิทัล โดยการสร้างพันธมิตร (partner) กับจีน ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ฉะนั้นนโยบายหลักของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เป็นดิจิทัล เพื่อไม่ให้ตกโลกและกลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลง

ตัวแปรตัวที่สี่ การสร้างเข็มทิศสู่ตลาดใหม่ (new frontier) ในภาคบริการ เพื่อสร้างธุรกิจเล็ก ๆ ใน value chain ของภาคการท่องเที่ยวได้ ในอดีตการบริการเป็นภาคเล็ก การท่องเที่ยวเป็นตัวแถม ปัจจุบันภาคการผลิตเล็กกว่าภาคบริการ ภาคเอกชนต้องเข้ามาช่วยสนับสนุน ถ้าไม่ทำจะประสบกับปัญหาการว่างงาน เพราะในอนาคตจะเข้าสู่การใช้เครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้น

ตัวแปรที่ห้า การสร้างศูนย์กลางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ไม่ให้ประเทศไทยรวยกระจุก สร้างเมืองใหญ่ในทุกจังหวัด รัฐบาลจึงจัดสรรงบประมาณเป็นรายกลุ่มจังหวัด ท่องเที่ยวเมืองรอง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนน การสร้างรถไฟเพื่อเป็นโครงข่ายสร้างกิจกรรมจากการท่องเที่ยว

ชูเป็นศูนย์กลาง CLMV

ทั้งหมดเรียกว่า game changer เป็น real game changer ที่ตั้งอยู่บนข้อสันนิษฐานข้อเดียว คือ ประเทศไทยต้องโดดเด่น 40 ปีที่ผ่านมาประเทศสิงคโปร์ครองความโดดเด่นมาโดยตลอด เพราะสิงคโปร์เป็น game changer สร้างเกมด้วยตัวเอง

หากประเทศไทยวาดภาพตัวเองให้เป็นศูนย์กลางของประเทศกลุ่ม CLMV เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมแผนแม่บทของประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี เป็นเส้นทางผ่าน One Belt One Road และยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก

ประเทศไทยต้องเสนอให้ชัดว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิรัฐศาสตร์ ภายใน 5 ปี ทุกประเทศในแถบ CLMV มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเกินร้อยละ 7 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไต่ระดับจากร้อยละ 1 มาสูงสุดร้อยละ 4.8 ฉะนั้นต้องชูปมเด่นให้ต่างประเทศเห็นอนาคตว่า ประเทศไทยเป็นผู้ set game ของตัวเอง

“เปลี่ยนเพื่อสร้างอนาคต”

สิ่งที่ควรยึดถือเพื่อทำให้ผ่านไปสู่อนาคต มี 3 ข้อ คือ ข้อที่ 1 ต้องมีความเชื่อมั่น มั่นใจในศักยภาพของประเทศและสร้างขึ้นมาให้ได้ ข้อที่ 2 ต้องใจสู้ มุ่งมั่นและมีสติ ต้องไม่ยอมรับสภาพและรอให้ฝรั่งมามีเมตตาต่อเรา ต้องกุมสภาพและบริหารให้ได้ หาโอกาสเพื่อเปลี่ยน ทำให้ดีขึ้น สร้างอนาคต ซึ่งเป็นหัวใจของการบริหาร ข้อสุดท้าย สำคัญมาก เป็นอุปสรรคต่อตัวเราเอง คือ การขาดความเชื่อถือซึ่งกันและกัน เป็นสังคมแตกแยก เรียกว่า สังคมทอนกำลัง

สุดท้ายนี้ขอให้เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจปี 2561 ดีขึ้นแน่นอน