ไนซ์กรุ๊ปเบอร์1ส่งออกเสื้อกีฬา รง.เขมรเพิ่มกำลังผลิตรับสิทธิ GSP

REUTERS/Leonhard Foeger

เบอร์ 1 ผู้ผลิตเสื้อผ้า “ไนซ์กรุ๊ป” มั่นใจส่งออกเสื้อกีฬา ปีཹ โต 15% ตลาดสหรัฐ-ยุโรปเติบโต เร่งเครื่องโรงงานกัมพูชาเพิ่มการผลิตเสื้อกีฬาเป็น 17 ล้านตัว ใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกยุโรป เตรียมขยายไลน์เสื้่อผ้าลำลองกีฬา

นายประสพ จิรวัฒน์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์กรุ๊ป (ไนซ์ แอพพาเรล) ผู้ผลิตและส่งออกเสื้อผ้ากีฬา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การส่งออกเสื้อกีฬาในปี 2561 คาดว่าจะเติบโต 14-15% เป็นผลจากประเทศผู้นำเข้าจากยุโรป สหรัฐ เอเชีย ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทยังเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทผลิตเสื้อกีฬาครอบคลุมทุกประเภท พร้อมทั้งจะขยายการผลิตเสื้อลำลองสำหรับการเล่นกีฬาด้วยในอนาคต

“การทำตลาดเสื้อกีฬาของบริษัท เน้นการผลิตเสื้อผ้ากีฬาครอบคลุมทุกกิจกรรม เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล กีฬาวิ่ง กอล์ฟ เทนนิส เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะเป็นการรับจ้างผลิตให้ลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทเสื้อผ้ากีฬาชั้นนำของโลก เช่น ไนกี้ อาดิดาส เป็นต้น”

นายประสพ กล่าวว่า บริษัทจะหารือกับผู้ค้าในต่างประเทศ เพื่อวางแผนการผลิตระยะ 3-5 ปี เพื่อให้รองรับกับความต้องการและกิจกรรมทางกีฬาทุกประเภทที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี รวมไปถึงกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในครั้งนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแผนจะขยายการลงทุนใหม่ เพราะหลังจากบริษัทได้เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม เมื่อปลายปี 2560 เพื่อเตรียมความพร้อมใช้ประโยชน์จากการเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) แต่ขณะนี้การเจรจาดังกล่าวได้หยุดลง และเปลี่ยนแปลงเป็นข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ซึ่งอาจจะได้สิทธิในการลดภาษีตามความตกลงดังกล่าวในอนาคตได้

ปัจจุบันฐานการผลิตจากโรงงานที่เวียดนาม ผลิตได้ 3 ล้านตัว ส่วนโรงงานในกัมพูชา ปีนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตไปที่ 17 ล้านตัว จากเดิม 13 ล้านตัว เนื่องจากการผลิตจากกัมพูชาได้สิทธิพิเศษทางภาษี ในการส่งออกไปยุโรป ทำให้ยอดส่งออกเติบโตมากขึ้น

ขณะที่โรงงานที่ประเทศจีน ยังคงรักษากำลังการผลิตอยู่ที่ 3.5-4 ล้านตัว และรักษากำลังการผลิตในโรงงานที่อยู่ในประเทศไทย 32 ล้านตัว

ทั้งนี้ ปัจจุบันส่งออกเป็นหลัก 99% ขายภายประเทศ 1% โดยตลาดส่งออกหลักยังเป็นตลาดสหรัฐ สัดส่วน 43-44% สหภาพยุโรป สัดส่วน 36% ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปประเทศอื่นในเอเชีย อย่างไรก็ตาม ยังห่วงปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้า การส่งออก ส่วนค่าเงินบาทมีผลต่อการแข่งขันบ้าง แต่บริษัทก็มีการปรับตัว และขณะนี้ค่าบาทปรับอ่อนค่าลงเล็กน้อย ส่วนค่าแรงงานถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดยขณะนี้ฐานค่าแรงงานในประเทศสูงกว่าหลาย ๆ ประเทศ

ส่วนการแข่งขันในตลาดปัจจุบันไม่น่ากังวลมากนัก เพราะบริษัทได้ปรับตัว โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและเพิ่มมูลค่า โดยการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันนำเทคโนโลยี นวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ในการผลิต การศึกษาข้อมูลของคู่ค้า ผู้บริโภค และศึกษาวิจัยเพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาด ซึ่งเชื่อว่าการส่งออกเสื้อผ้าก็จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้