BGRIM คว้าโรงไฟฟ้าไฮบริดสนามบินอู่ตะเภา

กองทัพเรือ เคาะเลือก BGRIM ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า Hybrid สำหรับงานระบบไฟฟ้าและระบบน้ำเย็นสนามบินอู่ตะเภายาว 6 ปี ถึงปี’66

​นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือBGRIM เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือจากกองทัพเรือแจ้งผลการคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อดำเนินโครงการงานระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น พื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา

โดยข้อเสนอของบริษัทฯ ได้รับการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการคัดเลือกผู้ประกอบการดำเนินโครงการฯ เพื่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน (Hybrid) ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะสามารถสร้างเสถียรภาพด้านการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในเขตพื้นที่พัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาได้อย่างชัดเจน โดยโครงการดังกล่าวกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการไว้ 2 ระยะตั้งแต่ปี 2561-2566

“บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับจัดทำรายละเอียดการดำเนินโครงการฯ ตามข้อกำหนดและขอบเขตงาน (TOR) และข้อเสนอของบริษัทฯ เพื่อให้การพัฒนาโครงการฯ มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับกองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”

ทั้งนี้ แผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าระยะที่ 1 กรอบระยะเวลาระหว่างปี 2561 – 2564 บริษัทฯ จะได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ พร้อมกับการพิจารณาจัดหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 15 เมกะวัตต์ และ ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) 50 เมกะวัตต์ชั่วโมง ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ในทันที

และคาดหมายว่าจะดำเนินการก่อสร้างและเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับพื้นที่รับผิดชอบหลักบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และ พื้นที่รับผิดชอบรองในส่วนของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ พร้อมทั้งจำหน่ายน้ำเย็นให้กับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ได้ภายในเดือนมกราคม 2564 เพื่อรองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคของท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและพื้นที่พัฒนาโดยรอบได้อย่างมั่นคง มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องต่อไป

ส่วนแผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าระยะที่ 2 ตามข้อเสนอของบริษัทฯ นั้น กำหนดไว้ ระหว่างปี 2564 – 2566 โดยใน​ส่วนแผนนี้จะประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และ/หรือติดตั้งบนหลังคา และ/หรือแบบลอยน้ำ 55 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ จะได้ปฎิบัติงานตามนโยบายที่ได้รับจากกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในขั้นตอนต่อไปเพื่อให้การก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผนงานดังกล่าวสามารถรองรับปริมาณความต้องการการใช้ไฟฟ้าในเขตพื้นที่การพัฒนาโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาได้อย่างมั่นคง