Mission “บางจาก” 100X เพิ่มพอร์ตธุรกิจ ‘พลังงานสีเขียว’

การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ สังคม และเศรษฐกิจ ส่งผลให้เทรนด์โลกต้องปรับเปลี่ยนไปในอนาคต ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน พลังงานเชื้อเพลิงที่วันหนึ่งกำลังจะถูกลดบทบาทลง ด้วยการเข้ามาแทนที่ด้วยพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน

“บางจาก คอร์ปอเรชั่น” ผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ ต้องปรับแผนธุรกิจในอนาคต รองรับการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อุตสาหกรรมชีวภาพ (bio) การแพทย์และอื่น ๆ อีกมากมาย

แม้วันนี้รายได้ส่วนใหญ่แม้จะยังคงมาจากการขายน้ำมัน โรงไฟฟ้า หรือแม้แต่ธุรกิจร้านกาแฟอินทนิล แต่ในที่สุดแล้วการปรับพอร์ตธุรกิจตาม “Mission 2026 100X” จะเป็นความท้าทายฉากใหม่ที่อาจไม่ได้เห็นบางจากเป็นเพียงแค่ปั๊มน้ำมันอีกต่อไป

Mission 2026 (ปี 2569)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวให้เห็นถึงอนาคตของบางจากฯนับจากนี้

โดยวางภารกิจ 4 งานสำคัญ ที่จะหยิบขึ้นมาเป็นแผนการดำเนินงานอนาคตตาม Mission 2026 หรือปี 2569 ด้วยการเป็นบริษัทที่ยั่งยืน 100 ปี

ด้วยการมีพอร์ตงานมุ่งไปที่ 1.LNG supply chain 2.lithium supply chain 3.green power supply chain และ 4.bio/pharmaceutical supply chain เราอาจเริ่มเห็นบทบาทของโรงกลั่นน้ำมันลดลง มีการผลิตสินค้าตัวอื่นเพิ่มขึ้นตามความต้องการของโลก

ปรับสัดส่วนการกลั่น

และเมื่อ “ธุรกิจการบินยังไม่ฟื้นตัว ทำให้การใช้น้ำมันอากาศยาน (เจ็ต) ลดลงมาก” โรงกลั่นจึงได้ปรับตัวหันมาผลิต “น้ำมันดีเซล” แทน แต่เมื่อบวกกับผลกระทบจากโควิด-19

และน้ำมันที่ยังคงผันผวน การปรับโรงกลั่นเป็น niche products refinery เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ท้องตลาด อาทิ UCO (unconverted oil) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนน้ำมันเตาเกรดพิเศษ

เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และผลิตสารทำละลาย (solvent) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมสี ทินเนอร์ การผลิตเรซิน เพราะขณะนี้มีความต้องการในตลาดโลก จึงทำให้กำลังการผลิต UCO เพิ่มเป็น 10% จาก 5% ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ดังนั้นแล้วตามแผน 5 ปีข้างหน้า โรงกลั่นบางจากฯจะมีการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปเพียง 60-70% ที่เหลือเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์อื่น ๆ แทน

แตกยอดสู่ “ธุรกิจอาหาร”

“ในอีกไม่ช้าอาจเห็นบางจากฯ เป็นผู้ผลิตยา อาหารเสริม เพราะวัตถุดิบบางตัวของบางจากฯ สามารถเข้าไปซัพพอร์ตอุตสาหกรรมการแพทย์ได้ นั่นทำให้บางจากฯมีภารกิจที่จะไปสู่อุตสาหกรรมชีวภาพ เข้าไปเป็นซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมยาในอนาคต”

ขณะเดียวกัน การเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันภายในสิ้นปีนี้ ที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,310 แห่ง จาก 1,247 แห่งในปัจจุบัน จะถูกพ่วงด้วยการบริการที่มีรูปแบบแตกต่างไปจากเดิม และยังมีหัวจ่ายสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รองรับไว้ด้วย

ลดปล่อยคาร์บอนปี 2030

เป็นที่ทราบกันดีว่า “บางจากฯวางแผนการลงทุน 5 ปี (2564-2568)” 80,000 ล้านบาท แต่ก็พร้อม “ปรับทบทวนกรอบการลงทุนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม” ต่อสถานการณ์

และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะมุ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนลงทุนใน “ธุรกิจสีเขียวมากขึ้นถึง 70%”

โดยปี 2564 นี้เอง บางจากฯวางพอร์ตงานด้านการลงทุนไปในธุรกิจใหม่ ทั้งที่เป็นการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากมีเงินสดในมือค่อนข้างมาก จึงถือได้ว่ามีสภาพคล่องเพียงพอที่เอื้อต่อการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของบีซีพีจี จากนั้นในปี 2565 และปี 2566

หนึ่งในนี้ยังคงมีการปักธงเรื่องของการลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (carbon neutral) ในปี 2030 หรือปี 2573 เพราะทิศทางของอุตสาหกรรมน้ำมันจะถึงจุดสูงสุดของความต้องการน้ำมันโลก (peak oil demand) ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้านั่นเอง สัดส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจการตลาด และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ

ปี 2564 EBITDA สูงที่สุด

ในระหว่างทางนับตั้งแต่ปี 2564 นี้ บางจากฯเองจะยังคงมีพอร์ตงานใหญ่จากธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ที่แม้ว่าช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

จะส่งผลให้มีการล็อกดาวน์ประเทศในหลาย ๆ กิจการ รวมถึงการที่ต้องทำงานที่บ้าน (work from home) ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง

แต่ในที่สุดแล้วสถานการณ์ก็ดีขึ้น การทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

กลับส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหลักที่จะทำให้ปี 2564 นี้ บางจากฯมี EBITDA สูงที่สุด

สัญญาณดังกล่าวจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2564) โดยกลุ่มบางจากฯซึ่งรวมไปถึงบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 85,006 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 22% มี EBITDA

สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 737% มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 4,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.80 บาท

คงต้องยอมรับว่า จากการได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับความคืบหน้าของการกระจายวัคซีนนั่นเอง

ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นพื้นฐานทรงตัวในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม OKEA 371 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม

ราคาน้ำมันดิบพุ่งไตรมาส 3

ถึงแม้การระบาดของเชื้อโควิด-19 จะยังไม่คลี่คลายเต็มที่ แต่ก็ยังพบว่ามีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันดิบราคาอ้างอิงของดูไบ ในไตรมาสที่ 3 น่าอยู่ที่ประมาณ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำให้บริษัทมีสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น แม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศในเอเชีย

แต่คาดว่าราคาน้ำมันจะกลับมาอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในสหภาพยุโรป และอเมริกาเหนือ จึงเป็นไปได้ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย. 2564) นี้

จะเติบโตค่อนข้างสดใส ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้ปี 2564 บางจากฯมี EBITDA สูงที่สุด