บทบาทสถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ หน่วยงานเดียวที่คว้ารางวัลหน่วยงานอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น ประจำปี 2566 จากกรมศิลปากร ตั้งเป้าผลักดันสถาบันเข้าไปอยู่ใน platform ระดับนานาชาติ
วันที่ 11 กันยายน 2566 สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คว้ารางวัลหน่วยงานอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ที่สั่งสมการทำงานด้านศิลปวัฒนธรรมไทย การอนุรักษ์มรดกไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- เงื่อนไข ธอส. จัดเงินฝากออมทรัพย์ “เก็บออม” ดอกเบี้ยสูง 1.95%
สำหรับรางวัลหน่วยงานอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น ประจำปี 2566 มีผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทรายบุคคลจำนวน 26 คน และประเภทหน่วยงานเพียงแค่ 1 หน่วยงาน ก็คือสถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ การมอบรางวัลในครั้งนี้จัดโดยกรมศิลปากร เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน
รศ.ฤทธิรงค์ จิวากานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ เปิดเผยว่า สถาบันไทยศึกษาได้ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์มรดกไทยมาเป็นเวลากว่า 30-40 ปีแล้ว โดยอาจารย์ผู้ใหญ่ในอดีตผู้สร้างและสั่งสมสิ่งเหล่านี้มาเป็นเวลานาน จนเป็นที่รู้จักของคนในวงการว่า สถาบันเป็นแหล่งข้อมูลในด้านศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายครบถ้วน
จนมาถึงปัจจุบันที่เราต้องเริ่มเข้าไปทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ทำให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากที่อื่นคือ เราไม่ได้นำองค์ความรู้นั้นเก็บรักษาเอาไว้เฉย ๆ แต่เราพยายามจะเอาไปใช้เป็นประโยชน์ให้ได้มากขึ้น
ซึ่งตอนนี้มีโครงการที่เห็นชัดเจนคือ การสำรวจเก็บข้อมูลของวัดอรุณ โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยของสถาบันไทยศึกษากับนักวิจัยของกรมศิลปากร และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อนำข้อมูลองค์ความรู้ของวัดอรุณในส่วนที่เป็นพื้นที่ปิดไม่ได้ให้คนภายนอกเข้าไปเห็นได้ มาเผยแพร่ให้กับคนภายนอกได้เห็นเป็นรูปแบบของ VR ซึ่งสิ่งนี้นับว่าเป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวของบ้านเราเป็นอย่างยิ่ง
ศูนย์รวมข้อมูลวัฒนธรรม
สถาบันไทยศึกษาพยายามที่จะพัฒนาบทบาทการทำงานของสถาบันให้ครบวงจรทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่ที่สถาบันไทยศึกษามีทุนทางวัฒนธรรมที่ดีมาก ทั้งในส่วนของข้อมูล องค์ความรู้ โดยเฉพาะงานด้านศิลปวัฒนธรรม นาฏยศิลป์ไทย ภาษา วัฒนธรรม วรรณคดี ประเพณี
โดยต้นทุนที่มีอยู่ทั้งหมดนี้นักวิจัยของสถาบันก็ทำหน้าที่ลงพื้นที่ศึกษาวิจัยในสิ่งที่แต่ละคนชอบและสนใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของงานวิจัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม จากนั้นก็จะเผยแพร่ออกไปข้างนอก เพื่อให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ สถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ ยังได้เข้าไปมีส่วนช่วยกระทรวงต่าง ๆ ที่ต้องการองค์ความรู้ด้านนี้ เพื่อที่จะนำไปวางนโยบายให้กับประเทศชาติ ซึ่งงานที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปทำงานกับกระทรวงวัฒนธรรมในการพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าไทย และที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้คือ พยายามช่วยกระทรวงวัฒนธรรมในการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อให้เข้าไปอยู่ในการประเมินขององค์การยูเนสโก
ขณะเดียวกัน ก็พยายามสร้างบรรยากาศการทำงานในรูปแบบเครือข่ายนักวิจัย ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการจัดประชุมวิชาการมันคือการรวมตัวกันของนักวิจัยวิชาการในการสร้างบรรยายกาศให้เกิดการทำงานร่วมกัน เกิดการสร้างงานใหม่ รวมถึงเกิดการช่วยเหลือกันในวงวิจัยตลอดเวลา
นอกจากนี้ การจัดทำวารสารก็เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ข่าวสาร ซึ่งวารสารที่ทางสถาบันจัดทำนั้นมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยในส่วนของภาษาอังกฤษเราเป็นที่เดียวในประเทศที่เป็นวารสารไทยศึกษา เป็นภาษาอังกฤษที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก
ทั้งนี้ สถาบันไทยศึกษามี platform ให้ผู้สนใจเข้าถึงได้หลากหลายช่องทาง ประกอบด้วย
- facebook เป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เกร็ดความรู้ทางด้านไทยศึกษา รวมถึงความเคลื่อนไหวของวงการด้านไทยศึกษาเกี่ยวกับการจัดประชุมวิชาการ
- Website สามารถเข้าไปดูบทความทางวิชาการด้านไทยศึกษาได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งเนื้อหาที่เป็น e-Book หนังสือหายากทั้งหลายก็รวมอยู่ในนี้ทั้งหมดเลย
- Youtube สามารถเข้าไปรับชมการประชุมวิชาการที่ผ่านมาทั้งหมดของสถาบันไทยศึกษาได้ และยังองค์ความรู้มหัศจรรย์มากมายรวมอยู่ในช่องทางนี้อีกด้วย
- วารสารเป็นพื้นที่สำหรับนักวิจัยที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อเป็นช่องทางในการพัฒนาตนเอง
ผลักดันสถาบันสู่แพลตฟอร์มนานาชาติ
รศ.ฤทธิรงค์กล่าวว่า ขณะนี้เราพยายามผลักดันให้สถาบันเข้าไปอยู่ใน platform ระดับนานาชาติให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นทางด้านไทยศึกษาที่เป็นที่สนใจของคนทั่วโลก เรากำลังก่อตั้งสมาพันธ์นักวิจัยที่อยู่ในเอเชียทั้งหมดให้มารวมกัน เพื่อสร้างตัวกลางแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และอีกอันที่กำลังจะดำเนินการคือ จัดตั้งสมาคมพุทธศาสน์ศึกษานานาชาติ
ในขณะเดียวกัน ก็พยายามที่จะสร้างบทบาทของสถาบันให้เข้าไปในสังคมมากขึ้น โดยนำงานวิจัยออกมาสื่อสารกับคนทั่วไปให้มีความเข้าใจในรูปแบบที่ง่าย ๆ อีกทั้งจะพยายามสร้างบทบาทให้เห็นว่า สาขาวิชาด้านไทยศึกษานี้สามารถเป็นผู้สร้างเนื้อหาแล้วนำไปเชื่อมโยงกับศาสตร์หรือสาขาวิชาอื่น ๆ เพื่อนำไปต่อยอดองค์ความรู้ เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชนในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง