SME ต้องยั่งยืน ยืดหยุ่น มีคุณค่า

SME
คอลัมน์ : Smart SMEs
ผู้เขียน : ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ ที่กำลังจะใกล้เข้ามานะคะ ช่วงปีใหม่ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ สิ่งดี ๆ อะไรไม่ดีก็ขอให้ผ่านไปกับปีเก่า เชื่อว่าปีใหม่นี้จะเป็นปีที่ดี หลังจากที่ประเทศไทยและโลกของเราได้ผ่านวิกฤตต่าง ๆ นานา สำหรับภาวะเศรษฐกิจ เราคาดว่าปีหน้าจะดีกว่าเดิม มีแนวโน้มที่สดใสขึ้น

แต่ทั้งนี้ก็ยังคงมีความไม่แน่นอน มีความท้าทาย ทั้งในเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของ SMEs อีกทั้งเรื่องภาวะเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และที่สำคัญซึ่งกระทบตรงกับลูกค้า SMEs คืออัตราดอกเบี้ย จะเห็นแนวโน้มขึ้นปีนี้ แล้วก็คาดว่าน่าจะขึ้นต่อไปจนถึงปีหน้า

ผู้ประกอบการต้องวางแผนระยะยาว พยายามลดในส่วนที่ตัวเองสามารถลดได้ ดูในเรื่องของกระบวนการผลิตว่ามีขั้นตอนไหนที่สามารถ lean กระชับได้ให้รีบทำ เสริมด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาลดในเรื่องของขั้นตอนของเอกสาร เรื่องการใช้บุคลากร

ทั้งหมดจะเป็นการช่วยประหยัดในเรื่องของต้นทุนการเงินได้ ต้องบอกว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในภาวะปัจจัยเหมือนราคาน้ำมัน ที่จะควบคุมยากเพราะเป็นเรื่องของภาวะของตลาดโลกและตลาดเศรษฐกิจของประเทศ ผู้ประกอบการจะต้องมีความยืดหยุ่น เตรียมความพร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอ

นอกจากเรื่องภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ ยังมีสิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ SMEs จำเป็นจะต้องจับตาและปรับตัว ปรับธุรกิจให้สอดคล้องเพื่อให้สามารถนำมาซึ่งโอกาสและประสิทธิภาพการแข่งขันให้กับธุรกิจ นั่นคือ เทรนด์ต่าง ๆ ในการทำธุรกิจ

ซึ่งเทรนด์สำคัญที่ช่วงนี้มีการกล่าวถึงกันอย่างมาก ทั้งในระดับโลก ระดับประเทศ และระดับชุมชน นั่นก็คือเทรนด์การทำธุรกิจแบบยั่งยืน ยืดหยุ่น และมีคุณค่า

โดยต้องเริ่มที่จะมองการทำธุรกิจโดยมุ่งเน้นเรื่องของความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ต่อสังคม การทำธุรกิจแบบนี้เป็นการเล็งผลในระยะยาว ดังจะเห็นได้ว่าตอนนี้หลายองค์กรใหญ่ ๆ พูดถึงเรื่องของความยั่งยืน

คือการทำธุรกิจไม่ได้มองแค่กำไร แต่ต้องคำนึงทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์องค์กรที่ต้องคำนึงเรื่องความยั่งยืน หรือที่เรียกว่า กลยุทธ์ด้าน ESG

โดย E มาจาก environment หรือสิ่งแวดล้อม S มาจาก social หรือสังคม และ G มาจาก governance หรือธรรมาภิบาล ที่สำคัญและได้กล่าวมาในตอนต้นคือ แนวโน้มในการทำธุรกิจโดยคำนึงเกี่ยวกับ ESG นี้ ถูกให้ความสำคัญและผลักดันทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ

เพราะอย่างที่เราทราบกันดีเกี่ยวกับการเกิดภาวะโลกร้อน มีทั้งเรื่องของมลพิษ ทำให้ถึงจุดที่โลกเราต้องมาร่วมกันรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นระดับองค์กรใหญ่ซึ่งตื่นตัวอย่างมากและให้ความสำคัญไปจนถึงซัพพลายเชนในธุรกิจต่าง ๆ ทำให้หาก SMEs

ซึ่งต้องทำธุรกิจกับองค์กรใหญ่ หรือในซัพพลายเชน เวลาการทำธุรกิจต้องไม่ละเลยเรื่องการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมนะคะ มิเช่นนั้นเราจะเป็นแกะดำที่ใม่มีใครอยากค้าขายด้วย

ถ้าเราไม่ปรับ ไม่เปลี่ยน ไม่รอด แน่นอนค่ะ

ซึ่งหากนักธุรกิจสามารถที่ปรับตัว ปรับองค์กร ปรับสินค้าหรือบริการให้ตอบโจทย์ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมได้ คุณก็จะสามารถที่จะทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืนได้ และถือเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งอีกด้วย

และสำหรับความยืดหยุ่น ธุรกิจจะต้องกล้าที่จะปรับตัว คิดเร็ว ทำเร็ว ลองเร็ว ผิดแล้วไม่เป็นไรลองใหม่ ดังจะเห็นปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์หรือรูปแบบบริการใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดอยู่เสมอ

ซึ่งก็มักจะเกิดจากการกล้าลองผิดลองถูกจนพบสิ่งที่ใช่ในที่สุด และสุดท้ายก็คือทำอย่างไรอย่างมีคุณค่า นั่นคือว่าธุรกิจต้องตั้งโจทย์ไว้เลยว่าเราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่สะดวกกว่า ก็จะตอบโจทย์และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2566 ดิฉันขออวยพรให้ท่านผู้ประกอบการและธุรกิจของท่าน ประสบความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไป กิจการเติบโตก้าวไกล ตลอดปีและตลอดไปนะคะ