
บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านความงามที่ให้บริการศัลยกรรมครบวงจร ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ” เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลั
วันที่ 24 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้
ประชาชาติพานักลงทุนสำรวจกำไรของ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ” ก่อนลงสนามเทรดตลาด mai วันแรกด้วยราคาหุ้นละ 46 บาท
โดย “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ” จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 เป็นผู้ประกอบการกิจการสถานพยาบาลเอกชน โดยจดทะเบียนเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้วยจำนวนเตียงจดทะเบียน 7 เตียง ให้บริการด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร โดยนายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล เป็นผู้ก่อตั้งคลินิกความงามในปี 2555 ภายใต้ชื่อ “มาสเตอร์พีซคลินิก” ที่สยามสแควร์ เริ่มต้นจากแพทย์ 1 ท่าน บุคลากร 3 คน และพื้นที่ให้บริการ 384 ตารางเมตร และระหว่างปี 2556-2558 บริษัทเพิ่มพื้นที่ให้บริการจนเป็นคลินิกความงามและศัลยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในสยามสแควร์ โดยมีทีมแพทย์ 7 ท่าน บุคลากร 190 คน และพื้นที่ให้บริการ 768 ตารางเมตร
“เรามุ่งมั่นที่จะเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามแบบครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ การให้บริการที่มีคุณภาพ ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายและตระหนักในความรับผิดชอบต่อสังคม นี่คือ “วิสัยทัศน์”
โครงสร้างรายได้
โครงสร้างของผู้ถือหุ้นของผู้ออกและเสนอขายหลักทรัพย์
โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 และภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน สามารถสรุปได้ดังนี้
สรุปฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของผู้ออกและเสนอขายหลักทรัพย์
รายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล
ในปี 2562-2564 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 414.03 ล้านบาท 611.06 ล้านบาท 659.51 ล้านบาท และ 1,011.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 47.59 ร้อยละ 7.93 และร้อยละ 133.99 ตามลำดับ รายละเอียดรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลสำหรับปี 2562-2564 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 สามารถแสดงได้ดังนี้
ต้นทุนการประกอบกิจการโรงพยาบาลและกำไรขั้นต้น
วัตถุประสงค์การใช้เงิน
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ ประมาณ 2,229.0 ล้านบาท ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
นโยบายจ่ายเงินปันผลของบริษัทและบริษัทย่อย
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรเงินทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากที่กำหนดไว้ขึ้นอยู่กับความจำเป็น และความเหมาะสมอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร
โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัท สภาพคล่องทางการเงิน กระแสเงินสด การสำรองเงินไว้เพื่อบริหารกิจการ การขยายธุรกิจ และการลงทุนในอนาคต การสำรองเงินไว้เพื่อจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืม หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท เงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่กำหนดในสัญญากู้ยืมเงิน และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ