
แบงก์ชาติเผย 3 เรื่องต้องรู้ หลัง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีผลบังคับใช้
วันที่ 19 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีผลบังคับใช้แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เผยแพร่ 3 เรื่องต้องรู้ เมื่อ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีผลบังคับใช้ มีรายละเอียดดังนี้
- เปิดชื่อ 10 อันดับโรงเรียนดัง กทม. นักเรียนแห่สมัครสอบเข้า ม.1 สูงสุด
- มหาดไทยออกระเบียบใหม่ ตั้งคณะกรรมการชุมชน รับค่าตอบแทนรายเดือน
- ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เสียชีวิต อายุ 55 ปี หลังซ้อมแข่งรถที่บุรีรัมย์
1.เมื่อถูกหลอกหรือมีเหตุสงสัยว่าตกเป็นเหยื่อ ให้รีบดำเนินการดังนี้
(*เช่น กรณีหลอกลวงคอลเซ็นเตอร์ และแอปดูดเงิน เป็นต้น)
(1) แจ้งธนาคารทันที ผ่านเบอร์ศูนย์รับแจ้งเหตุ hotline หรือที่สาขาเพื่อให้ระงับธุรกรรมชั่วคราว
(2) แจ้งตำรวจอย่างรวดเร็ว ผ่านออนไลน์ หรือท้องที่ใดก็ได้ เพราะธนาคารระงับธุรกรรมชั่วคราวได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยตำรวจจะแจ้งให้ธนาคารทราบเพื่อระงับธุรกรรมต่อ
2.โทษบัญชีม้าและซิมม้า…หนักขึ้น แค่โฆษณาซื้อ/ขาย…ก็ผิดแล้ว ดังนี้
-บัญชีเงินฝาก
เปิดหรือยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-Wallet เป็นบัญชีม้า
-ซิมโทรศัพท์
ให้คนอื่นใช้/ยืมใช้ซิมโทรศัพท์ เพื่อนำไปใช้ในการทุจริตหรือทำผิดกฎหมาย
ต้องรับโทษ…จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-การโฆษณา
โฆษณาเพื่อให้มีการซื้อ/ขายบัญชีม้าหรือซิมโทรศัพท์
ต้องรับโทษ…จำคุก 2-5 ปี และปรับ ตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อใช้ในการสืบสวน สอบสวน และป้องกัน ดังนี้
-ธนาคาร
สามารถแชร์ข้อมูลทุจริตระหว่างกันโดยไม่ติด PDPA (กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล)
คาดว่าจะช่วยลดบัญชีม้าป้องกัน/จำกัดความเสียหาย
-ตำรวจ, DSI, ปปง. และหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต
สามารถได้รับแจ้งข้อมูลทุจริตที่แลกเปลี่ยนกันได้
คาดว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้รวดเร็วติดตามลงโทษผู้กระทำผิด
-ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์/โทรคมนาคม
สามารถเปิดเผย/แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันหรือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(ตำรวจ, DSI, ปปง.)
คาดว่าจะช่วยลดจำนวนซิมม้าป้องกันมิจฉาชีพเข้าถึงประชาชน