ขุนคลัง เผยกำลังตรวจสอบคุณสมบัติ เลขาฯ ก.ล.ต. คนใหม่

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ

“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง เผยกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ เลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ ส่วนประชุม ก.ล.ต.โลกวันนี้ เตรียมผลักดัน 3 แนวทางใหญ่ หวังพัฒนาตลาดทุนทุกประเทศทั่วโลก หนุนสร้างระบบการเงินอย่างยั่งยืน

วันที่ 16 มิถุนายน 2566 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานการประชุม Thailand Public Conference หรือการประชุม ก.ล.ต.โลก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ว่าปัจจุบันขั้นตอนการสรรหาเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คนใหม่ อยู่ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบ

และกำลังสอบถามข้อมูลอยู่ว่าอาจจะต้องพิจารณาคุณสมบัติตามขั้นตอนของการพิจารณาคัดเลือกของผู้สมัครเลขาธิการ ก.ล.ต.ใหม่อีกครั้งหรือไม่ ต้องรอข้อมูลจากสำนักงาน ก.ล.ต.ก่อน

ส่วนประเด็นการประชุม ก.ล.ต.โลกในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประชุมหารือและกำหนดทิศทางในอนาคตของตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสำนักงาน ก.ล.ต. ทุกประเทศในโลก เพื่อร่วมกันเพิ่มศักยภาพและพัฒนาตลาดทุนของทุกประเทศทั่วโลก โดยมี 3 เรื่องที่ให้ความสำคัญและเน้นย้ำคือ

1.มาตรการกำกับ ดูแล คุ้มครองนักลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำนักงาน ก.ล.ต.ยังคงตระหนักและให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อคุ้มครองนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้มีการดูแลอย่างดี เพราะเงินของนักลงทุนที่นำมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มาจากรายได้หรือเงินออมที่เก็บสะสม เพื่อมาลงทุนหาผลตอบแทนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ก.ล.ต.มีหน้าที่ในการคุ้มครองดูแลผู้ลงทุนไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากผู้เล่นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงให้หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน เช่น บริษัทหลักทรัพย์ฯ ที่จะต้องช่วยกันคุ้มครองดูแลนักลงทุน รวมถึงช่วยกันสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับตลาดทุน

2.การเสนอแนะและการยกร่างกฎกติกาต่าง ๆ ในตลาดทุน เพื่อทำให้กฎกติกาต่าง ๆ สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามา ทำให้เกิดการลงทุนในตลาดใหม่ ๆ ซึ่งทางสำนักงาน ก.ล.ต.จะต้องมีการปรับตัวและปรับปรุงกฎกติกาต่าง ๆ ให้สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุน

เพราะตลาดทุนมีผลต่อระบบการเงินของโลกและทุกประเทศในโลก การสร้างความเสมอภาคให้กับทุกคนสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ และเชื่อมโยงตลาดทุนและตลาดเงินผ่านการระดมทุนต่าง ๆ อย่างเหมาะสม

3.การให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของตลาดทุนทั่วโลกในการสร้างระบบการเงินอย่างยั่งยืน (Sustainable Finance) โดยเฉพาะประเทศไทยเองที่มีการปฏิญาณในเวทีโลกในการให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ซึ่งได้ร่วมกับหลายหน่วยงานในการส่งเสริมการสร้างเครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมของโลก โดยเฉพาะเครื่องมือทางการเงินที่มีการออกตราสารหนี้และหุ้นกู้สีเขียว เป็นต้น

ด้านมุมมองทางเศรษฐกิจมอง นายอาคม มองว่ายังคงมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการฟื้นตัวในอัตราที่ต่ำ และเป็นการฟื้นตัวแบบช้า (Slow Recovery)

อีกทั้งยังเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยที่ฝั่งสหรัฐและยุโรปในปีนี้จะมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง หลังจากปีที่ผ่านมาเติบโตไปมากแล้ว แต่ในฝั่งเอเชียปีนี้จะมีการเติบโตที่สูงกว่า เพราะฝั่งเอเชียมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ตามหลัง ทำให้ในปีนี้เศรษฐกิจในเอเชียมีความสำคัญค่อนข้างมาก

ส่วนนโยบายการเงินหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงดอกเบี้ยในอัตราที่สูง และธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ยังคงต้องตามดูในเรื่องของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไร แต่หากมีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังจากนี้ก็อาจจะเป็นผลบวกต่อประเทศไทยด้วย

ซึ่งภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีปัจจัยจากภาคการส่งออกที่อาจจะกดดัน หลังตัวเลขการส่งออกลดลง แต่ยังเพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งปีและยังเหลือเวลาอีก 6 เดือนในการทำงาน ซึ่งหากมองในปริมาณการส่งออกถือว่าติดลบตามความต้องการที่ลดลง

แต่หากดูในส่วนของมูลค่าที่เป็นตัวเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังเป็นบวกอยู่เล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งก็ยังคาดหวังว่าในส่วนของมูลค่าการส่งออกทั้งปีอาจจะลบเล็กน้อยหรือทรงตัวก็เป็นไปได้