SCB CIO ชี้โอกาสทองลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว รับเฟดคงดอกเบี้ยระดับสูงถึง Q3 ปีหน้า

ทอง

SCB CIO ประเมินเฟดคงดอกเบี้ยระดับสูงถึงไตรมาส 3 ปี 2567 ชี้จังหวะนี้เป็นโอกาสทองในการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว พร้อมนำเสนอ 3 กองทุนทางเลือก

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA SCB Wealth Chief Investment Officer ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เปิดเผยผลการประชุมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งสูงสุดในรอบ 22 ปี ขณะที่การประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ SCB CIO คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ Fed จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว เนื่องจาก Fed ยอมรับว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

ประกอบกับภาคการเงินมีความตึงตัวมากขึ้น เพียงแต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวลอย่างมีนัยสำคัญ โดยการคงอัตราดอกเบี้ยสูงระดับนี้ น่าจะยาวนานไปจนถึงไตรมาสที่ 3/2567 โดยมองว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสทองสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ที่แนะนำ จำนวน 3 กองทุน ได้แก่

1) กองทุนเปิดเคแทม Absolute Return Bond (KT-ARB) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ได้ โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนตามภาวะตลาด เพื่อเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเป็นบวกภายใน 1 ปี

2) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส แอกกริเกท บอนด์ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า (MUBOND-A) สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากพันธบัตรและหุ้นกู้สหรัฐ ที่มีคุณภาพสูง อยู่ในระดับลงทุนได้ (investment grade)

3) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล สตราทีจิก อินเวสเมนท์ ชนิดสะสมมูลค่า (SCBGSIF) สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนระดับสูงผ่านการลงทุนในหุ้นกู้ทั่วโลก และรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ high yield ได้

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง แต่มีโอกาสปรับลดลงในปีหน้า จะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้มีความน่าสนใจขึ้นมาก โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะยาวที่อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยรับ (yield) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และราคาได้ปรับลดลง รับข่าวความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในช่วงก่อนหน้าไปมากแล้ว และต่อไป yield ควรจะทยอยปรับตัวลดลงได้ ใน 9-12 เดือนข้างหน้า ตามแรงการคาดการณ์ว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย วงจรดอกเบี้ยขาขึ้นได้จบลง

ดังนั้น จึงมองเป็นโอกาสเข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวที่คาดหวังได้ทั้งผลตอบแทนจาก yield และกำไรจากราคาที่ปรับขึ้นได้ (capital gain) เมื่อดอกเบี้ยเริ่มปรับลดลงในอนาคต

“หากนักลงทุนรับความผันผวนของราคาตราสารหนี้ได้ต่ำ อาจจะพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อคาดหวังกระแสเงินสดรับ เพียงแต่ในอนาคตเมื่อตราสารหนี้ครบกำหนด และนำเงินไปลงทุนต่อในตราสารหนี้ระยะสั้นตัวใหม่ ก็อาจจะได้รับผลตอบแทนที่ลดลง”