กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB FM จับตาผลการประชุม FOMC คาดว่าจะคงดอกเบี้ย พร้อมมอง กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งติดต่อกันในเดือน เม.ย.และ มิ.ย. 67 ด้านค่าเงินบาทเดือนแข็งค่าขึ้นตามราคาทองคำ-สกุลเงินภูมิภาค เผยเห็นการเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-36.20 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วง 1 เดือนจากนี้
วันที่ 19 มีนาคม 2567 นายแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury Yields) เดือนที่ผ่านมาผันผวนสูงตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในช่วงที่เลขออกมาแย่กว่าคาด (เช่น ISM และยอดคำสั่งซื้อโรงงาน) Yields ปรับลดลงค่อนข้างเร็ว
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
- MG ตั้งราคาโดนใจวัยรุ่น ไตรมาสแรก กวาดเกือบ 3 พันคัน
แต่หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าคาด Treasury Yields กลับมาสูงขึ้น ซึ่งนายแพททริกมองว่า Treasury Yields ในระยะต่อไปมีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ในระดับสูง โดยมอง Yield อายุ 10 ปี ที่กรอบราว 4.15-4.45% ในช่วง 1 เดือนนี้
ประเด็นที่ต้องจับตาในช่วงนี้คือ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งมีโอกาสที่ Fed จะส่งสัญญาณ Hawkish ทำให้ Yields อาจขึ้นต่อได้เล็กน้อย กล่าวคือ 1.Fed น่าจะปรับประมาณการเศรษฐกิจขึ้นหลังเลขการจ้างงาน (Payroll) ยังออกมาดีกว่าคาด ชั่วโมงการทำงานสูงขึ้น ขณะที่ค่าจ้างก็ยังขยายตัวดี และ 2.มีโอกาสที่ Dot Plot รอบนี้อาจถูกปรับสูงขึ้น เพราะ SCB FM ประเมินว่า Nominal Neutral Rate ณ สิ้นปีนี้อาจอยู่ที่ราว 4.5%
ทำให้ Fed อาจคง Dot Plot ปีนี้ตามเดิม อย่างไรก็ดี ในปี 2568-2569 Neutral Rate มีแนวโน้มอยู่ที่ราว 3.9% และ 3.6% ทำให้มีโอกาสที่ Dot Plot อาจถูกปรับขึ้นได้
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่อาจทำให้ US Treasury Yields ลดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) ของสหรัฐ เดือน ก.พ. ที่มีแนวโน้มออกมาชะลอลง จากดัชนีราคาภาคบริการ (Supercore) เช่น บริการทางการเงิน บริการสุขภาพ และบริการด้านอาหาร รวมถึงช่วงที่ผ่านมา Yields ปรับสูงขึ้นมาเร็วแล้ว และหากตลาดกลับมา Price-in Rate Cuts อีก ก็มีโอกาสที่จะเกิดการปรับฐาน ทำให้ Yields ลดลงได้
สำหรับมุมมองอัตราดอกเบี้ยไทย ตลาดมอง กนง.จะลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป 2 ครั้งในปีนี้ โดยมีโอกาส 80% ที่จะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเดือน เม.ย. และจะลดอีกครั้งในเดือน ต.ค. อย่างไรก็ดี SCB FM มองว่าโอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดมีสูงขึ้น โดยอาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกันในเดือน เม.ย.และ มิ.ย. เนื่องจาก 1.Neutral Rate ไทยต่ำลง ตามศักยภาพเศรษฐกิจที่ลดลงจากปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงทำให้ กนง.อาจลดดอกเบี้ยเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจต่อไป
2.ค่าเฉลี่ยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปีนี้คาดว่าจะลดลงเหลือ 0.8% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. และ 3.คุณภาพสินเชื่อบุคคลธรรมดาด้อยลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ดังนั้น SCB FM แนะให้ลูกค้าอาจพิจารณา Receive Fixed Rate ผ่าน THOR OIS อายุ 5 ปี ที่ราว 2.25%
เนื่องจาก 1.ความชันของ Curve ช่วง 5Y ยังสูง และ 2.เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำจากปัจจัยโครงสร้าง ทำให้มีโอกาสที่ดอกเบี้ยในระยะกลางถึงยาวอาจลดต่ำกว่านี้ได้อีก สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เงินและล็อกต้นทุนอัตราดอกเบี้ย SCB FM มองว่าโอกาสที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งปีนี้มีน้อย ลูกค้าจึงอาจพิจารณา Pay Fixed ผ่าน THOR OIS 2Y ราว 2.00% หรือต่ำกว่าได้
ด้านตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าน้อยกว่าที่คาด เนื่องจาก 1.ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ (ฝั่ง Soft Data) ออกมาชะลอลงกว่าคาด 2.ราคาทองคำและ Bitcoin สูงขึ้นทำ New High ต่อเนื่อง และ 3.ค่าเงินสกุลภูมิภาคแข็งค่าขึ้น โดยเงินหยวนแข็งค่าจากข่าวเรื่องการออกมาตรการภาครัฐและเลขเงินเฟ้อที่กลับมาบวก ส่วนเงินเยนก่อนหน้านี้แข็งค่าจากข่าวการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ
สำหรับมุมมองเงินบาทในระยะต่อไป คาดว่าเงินบาทโดยเฉลี่ยจะอยู่ในกรอบ 35.70-36.20 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วง 1 เดือนจากนี้ โดยปัจจัยที่อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าได้คือ การประชุม FOMC สัปดาห์นี้ ซึ่งหาก USDTHB อ่อนค่าที่ราว 36.10-36.40 บาทต่อดอลลาร์ ก็มองว่าเป็นระดับที่ผู้ส่งออกอาจพิจารณาขายได้
ส่วนปัจจัยที่อาจทำให้เงินบาทแข็งค่าได้ คือ เลขเงินเฟ้อสหรัฐที่อาจชะลอลง และการปรับฐานของราคา Bitcoin ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำลดลง โดยหาก USDTHB แข็งค่าที่ราว 35.40-35.70 บาทต่อดอลลาร์ ก็มองว่าเป็นระดับที่ผู้นำเข้าอาจพิจารณาซื้อได้