ปีละ 8 พันล้าน สรรพากรเริ่มแล้ว เปิดช่องจ่ายค่าอากรแสตมป์ ผ่านอิเล็กทรอนิกส์

สรรพากรนำร่องเปิดให้จ่ายค่าอากรแสตมป์ “ตราสาร 5 ประเภท” ผ่าน “FinNet” บริษัทลูกของตลาดหลักทรัพย์ฯ คิดค่าฟีแค่ธุรกรรมละ 1 บาท ชี้ช่วยลดต้นทุน บจ. จากที่ผ่านมาจ่ายค่าไปรษณีย์ปีละกว่า 100 ล้านบาท

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า เพื่อผลักดันการทำตราสารอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ และสนับสนุน e-Business ของประเทศไทย กรมสรรพากรจึงได้เพิ่มการให้บริการชำระอากรแสตมป์ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 5 ตราสาร ได้แก่ 1. จ้างทำของ 2. กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร 3. ใบมอบอำนาจ 4. ใบมอบฉันทะสำหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท และ 5. ค้ำประกัน โดยตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 5 ประเภท สามารถยื่นขอชำระอากรได้ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร และทาง Application Programming Interface (API) ซึ่งผู้เสียอากรสามารถยื่นขอชำระอากรด้วยตนเอง หรือผ่านผู้ให้บริการ (Service Provider) ให้เป็นผู้ชำระอากรแทนก็ได้

โดยกรมได้เปิดให้บริการชำระอากรแสตมป์ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป ซึ่งจะสามารถชำระอากรได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอนการจัดทำเอกสารด้วยกระดาษ ลดปัญหาการคำนวณมูลค่าอากรแสตมป์ผิดพลาด ส่งเสริมให้การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ครบวงจร

“การชำระผ่านผู้ให้บริการกรมสรรพากรได้จับมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรับชำระอากรแสตมป์ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์เป็นรายแรก โดยร่วมพัฒนาเชื่อมต่อระบบการนำส่งข้อมูลตราสารอิเล็กทรอนิกส์ทาง API ที่มีปริมาณข้อมูลจำนวนมาก เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนอกจากอากรแสตมป์ 5 ตราสารดังกล่าวแล้ว กรมจะขยายให้ครบ 28 ประเภทตราสารในปีหน้า ซึ่งมูลค่าอากรแสตมป์ที่จัดเก็บได้แต่ละปีอยู่ที่ราว 8,000 ล้านบาท” นายเอกนิติกล่าว

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือกันระหว่างกรมสรรพากรและตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้เป็นการร่วมกันตอบสนองนโยบาย “Thailand 4.0” ของรัฐบาลในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการทำงาน ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และกรมสรรพากรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การให้บริการชำระอากรแสตมป์ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ จะสร้างความสะดวก รวดเร็ว และลดขั้นตอนการเสียอากรได้เป็นอย่างดี

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับตลาดทุนยุคดิจิทัล โดยบริษัท ฟินเน็ต อินโนเวชั่น เน็ตเวิร์ค จำกัด (FinNet) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้บริการชำระอากรแสตมป์เป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์เป็นรายแรก ชำระอากรแสตมป์ได้โดยเรียกใช้ชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ที่เป็นมาตรฐาน (Application Programming Interface) โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นต้นแบบของการเป็นพันธมิตรระหว่างภาครัฐและเอกชน (public private partnership) เพื่ออำนวยความสะดวกทางธุรกิจ (ease of doing business) ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการอื่น เพื่อเป็นสะพานเชื่อมให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ตามวิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” ต่อไป

ทั้งนี้ ระบบการทำงานของ FinNet จะเชื่อมต่อกับกรมสรรพากร โดยผู้ใช้บริการจะได้รหัสรับรองการชำระอากรแสตมป์ผ่านระบบออนไลน์หลังจากทำการชำระค่าอากรแสตมป์ไปใช้อ้างอิงในเอกสารสัญญาเพื่อให้สัญญามีผลทางกฎหมาย โดยเริ่มเปิดให้บริการสำหรับธุรกรรม 3 ประเภท ได้แก่ 1) การมอบฉันทะเข้าประชุม ผู้ถือหุ้น 2) การเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และ 3) การกู้ยืมเงินเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ และจะขยายไปยังธุรกรรมทุกประเภทในปี 2563

“ในลำดับต่อไป ระบบ FinNet จะให้บริการระบบเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดิจิทัลไอดี ประกอบกับบริการอื่นด้านการชำระเงินที่จะเปิดตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะทำให้บริการในตลาดทุนลดการใช้กระดาษและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกว่า 700 บริษัทจดทะเบียนในตลาดทุน จะสามารถลดต้นทุน เฉพาะที่ต้องส่งผ่านไปรษณีย์ก็ตกปีละเป็น 100 ล้านบาทแล้ว โดยการทำธุรกรรมผ่าน FinNet จะคิดค่าธรรมเนียมแค่ 1 บาทต่อธุรกรรม” นายภากรกล่าว