กรมบัญชีกลาง ขานรับ “ชิมช้อปใช้” เฟสสอง แนะผู้มีสิทธิ์ใช้จ่ายให้ทันภายในกำหนด

กรมบัญชีกลางเตรียมพร้อม รับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 เน้นย้ำผู้ได้รับสิทธิ์แล้วให้รีบใช้สิทธิ์ตามระยะเวลาที่กำหนด พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ร้านค้า ปชช. เตรียมพร้อมสำหรับลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการและวางแผนการท่องเที่ยว ใช้จ่ายเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี
 
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มีการพิจารณารายละเอียดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว “ชิมช้อปใช้” ระยะที่ 2 (เฟส 2) เรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 22 ต.ค.62 ในส่วนของกรมบัญชีกลาง ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมาตรการได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการและมีเม็ดเงินกระจายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งมาตรการ ชิมช้อปใช้ ระยะแรก ในขณะนี้มีร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการแล้วกว่า 177,655 ร้านค้า โดยเป็นร้านค้ารายใหม่ที่ Walk in เข้ามาลงทะเบียน จำนวน 97,655 ร้านค้า ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มี App ถุงเงินเดิมอยู่แล้วกว่า 50,000 ร้านค้า และร้านค้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่อง EDC อีกกว่า 30,000 ร้านค้า
 
“สำหรับการโอนเงินค่าสินค้าและบริการให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ข้อมูล ณ วันที่ 18 ต.ค. 62 กรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กับร้านค้าแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 8,676.8 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้านค้าที่ได้สิทธิ์จากกระเป๋า G-Wallet 1 (ใช้จ่าย 1,000 บาท ในจังหวัดที่เลือกลงทะเบียน) จำนวน 8,537.2 ล้านบาท และร้านค้าที่ได้สิทธิ์จากกระเป๋า G-Wallet 2 (เติมเงินเพื่อใช้จ่ายในจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน เพื่อรับเงินคืน 15%) จำนวน 139.6 ล้านบาท หากจำแนกเป็นประเภท จะแบ่งเป็นประเภท “ชิม” เป็นเงิน 1,241 ล้านบาท ประเภท “ช้อป” เป็นเงิน 4,847.1 ล้านบาท ประเภท “ใช้” เป็นเงิน 116.4 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป เป็นเงิน 2,472.3 ล้านบาท” อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว
 
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ และได้ใช้สิทธิ์วงเงิน 1,000 บาท ใน G-Wallet 1 หมดแล้ว สามารถเติมเงินของตนเองได้ในกระเป๋า G-Wallet 2 โดยสามารถใช้จ่ายเงินได้ทุกร้าน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้าน ซึ่งการใช้จ่ายใน G-Wallet 2 จะได้รับเงินคืน 15% ของยอดใช้จริง รวมแล้วไม่เกิน 4,500 บาท (จากยอดใช้จ่ายสูงสุด 30,000 บาท) ดังนั้น จึงอยากเน้นย้ำให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์แล้ว ให้รีบไปใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด ส่วนผู้ที่สนใจจะลงทะเบียนในเฟส 2 ขอให้วางแผนการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายเงินให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ และเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล