กรุงไทย ประเมินค่าเงินบาทปี 63 มีโอกาสแข็งค่าแตะ 28.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จับตาสงครามการค้า-นโยบายการเงินทั่วโลกกดดันค่าเงิน
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในปี 2563 มีโอกาสแข็งค่าแตะระดับ 28.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจัยมาจาก ทั้งในส่วนของสงครามการค้า ภาพรวมนโยบายการเงินทั่วโลก และการเลือกตั้งสหรัฐช่วงปลายปี ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลบวกกับเงินบาทมากกว่าผลลบเช่นเดียวกับในปีนี้
ทั้งนี้ ในส่วนของสงครามการค้า โอกาสที่สหรัฐจะตกลงกับจีนได้ น่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี โดยจะเห็นว่าหากประเทศไทยที่มีนโยบายต่างประเทศที่ผ่อนคลายกว่าสหรัฐฯ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ จะพยายามหาข้อตกลงการค้าเพื่อกระตุ้นตลาดทุนก่อนเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นคนที่มีนโยบายแข็งกร้าวกว่าก็อาจเก็บการเจรจาไว้เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองเช่นกัน มองว่าถ้าไม่จบจะเป็นประเด็นกดดันค่าเงินหยวน และเศรษฐกิจเอเชีย ซึ่งจะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าขึ้นได้ในช่วงไตรมาสที่สอง
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ขณะที่นโยบายการเงินในปี 2563 จะเป็นปีที่สหรัฐ “ไม่ขึ้น” ดอกเบี้ยแน่นอน ซึ่งเป็นบวกกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ (emerging market) ที่มีดอกเบี้ยสูง และอาจมีการกระจายการลงทุนมาในฝั่งเงินบาทที่ความผันผวนต่ำด้วย นอกจากนี้ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐปั่นป่วนก่อนเลือกตั้งก็เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 0.25-0.50% ซึ่งก็จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงได้อีก อย่างไรก็ดี เชื่อว่าธปท.จะลดดอกเบี้ยสวนเพื่อประคองให้เงินบาทไม่แข็งค่าเร็วในกรณีนี้
“ปีหน้าคือสงครามการค้ายืดเยื้อ อย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี ทำให้บาทปรับตัวลงในช่วงไตรมาสแรกและอ่อนกลับในไตรมาสที่สอง แต่ตั้งแต่ไตรมาสสามไปจนถึงสิ้นปีน่าจะเห็นเงินทุนไหลออกจากสหรัฐอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงทั้งปี 5-10% เทียบกับสกุลเงินหลักเช่นเยนและยูโร และเงินบาทจะแข็งค่าตามราว 5% ไปที่ระดับ 28.7 บาทต่อดอลลาร์”