คปภ.ชงประกัน “คนจน-นักท่องเที่ยว” ใช้งบ 1.8 พันล้าน

คปภ.ชงรัฐอนุมัติงบฯ 1.2-1.8 พันล้านบาท หนุนทำประกันอุบัติเหตุ “คนจน-นักท่องเที่ยว” เผย 2 โมเดล ประกันคนถือบัตรสวัสดิการ รอ ครม.เคาะเลือกทุนประกัน 5 หมื่นบาท คิดเบี้ย 60 บาทต่อหัว หรือทุนประกัน 1 แสนบาท คิดเบี้ย 99 บาทต่อหัว ส่วนประกันนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเบี้ย 8 บาทต่อหัว คุ้มครองออนท็อปถึง 1 ล้านบาท

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2563 กลุ่มผู้มีรายได้น้อยกว่า 14 ล้านคน ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะเข้าถึงระบบประกันภัย โดยขณะนี้ทางกระทรวงคลังเห็นชอบหลักการการประกันอุบัติเหตุ (พีเอ) สำหรับผู้มีรายได้น้อยพ่วงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามที่ทาง คปภ.เสนอแพ็กเกจไปให้พิจารณาแล้ว ซึ่งโมเดลเบื้องต้นมี 2 รูปแบบ คือ 1.ทุนประกันภัย 100,000 บาทต่อคน คิดเบี้ยรายปีเฉลี่ย 99 บาทต่อคนต่อปี และ 2.ทุนประกันภัย 50,000 บาทต่อคน คิดเบี้ยรายปีเฉลี่ย 60 บาทต่อคนต่อปี

นอกจากนี้ คปภ. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังได้ร่วมกันผลักดันการประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันได้นำเสนอโมเดลเบื้องต้นไปแล้ว ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศกว่า 40 ล้านคนต่อปี ก็จะเข้าถึงระบบประกันภัยของไทยเช่นกัน

นายอาภากร ปานเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย คปภ. กล่าวว่า การประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้มีรายได้น้อย รูปแบบแรก จะต้องใช้งบประมาณภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกันประมาณเกือบ 1,400 ล้านบาท ส่วนรูปแบบที่ 2 จะต้องใช้งบประมาณราว 800 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงการคลังจะนำทั้ง 2 โมเดล เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อตัดสินใจ

“ตอนนี้ภาคธุรกิจประกันภัยตอบรับที่จะเข้าร่วมแล้ว โดยเฉพาะบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยรายใหญ่ ซึ่งหากคิดแค่ค่าเบี้ยรายปีอาจจะไม่ได้มาก แต่ถือว่าจำนวนคนที่เข้าสู่ระบบประกันจะค่อนข้างสูง จึงเป็นโอกาสที่บริษัทประกันจะนำข้อมูลลูกค้าไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ๆ มาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น”

ส่วนการประกันภัยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น ขณะนี้ได้เสนอโมเดลไปแล้ว คือ จะคิดเบี้ยประกันภัย 8 บาทต่อคน ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต1 ล้านบาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยจากกรณีบาดเจ็บระหว่างการเดินทางในประเทศไทย 5 แสนบาทต่อคน โดยประมาณการงบประมาณที่ภาครัฐต้องใช้ราวเกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นผู้เอาประกัน และนักท่องเที่ยวที่ลงตราวีซ่าเข้าประเทศ จะได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุในประเทศไทย

ทั้งนี้ อาจจะมีการเก็บค่าวีซ่า หรือค่าเหยียบแผ่นดิน ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคงต้องดำเนินการต่อ หากมีงบประมาณของปีนี้เพียงพอก็สามารถดำเนินการได้เลย แต่ถ้าไม่พอก็คงต้องเสนอรัฐบาลเพื่อขออนุมัติงบประมาณปีหน้า

“การประกันภัยนักท่องเที่ยว โมเดลที่เสนอจะเป็นแบบท็อปอัพ หมายความว่า นักท่องเที่ยวจะได้รับความคุ้มครองจากส่วนอื่นก่อน เช่น เป็นผู้ประสบภัยจากรถ ก็จะได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 3 แสนบาท จากนั้นกรมธรรม์นี้ก็จะจ่ายเพิ่มให้ครบทุนประกันภัยที่ 1 ล้านบาท”