เงินบาทแข็งค่า จับตาสัปดาห์หน้า “ประชุม กนง.-สถานการณ์โควิด-ตัวเลขเงินเฟ้อ”

แบงก์ชาติ-BOT-เงินบาท

เงินบาทกลับมาแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุดแนว 1,500 จุดอีกครั้ง จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า การประชุมกนง. (3 ก.พ.) สถานการณ์โควิด-19 ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 ของบริษัทจดทะเบียน ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทกลับมาแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงต้น-กลางสัปดาห์เพื่อรอปัจจัยใหม่มากระตุ้น ก่อนจะขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากผลการประชุมเฟดที่มีมติคงดอกเบี้ยและวงเงิน QE ตามเดิม โดยไม่ได้ผ่อนคลายมาตรการใดๆ เพิ่มเติม แม้จะมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ประกอบกับตลาดกังวลว่า ปธน.โจ ไบเดนอาจเผชิญอุปสรรคในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสภาคองเกรส อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค

ในวันศุกร์ (29 ม.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 29.92 เทียบกับระดับ 29.99 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 ม.ค.)

ค่าเงินบาท

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (1-5 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 29.80-30.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (3 ก.พ.) ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI และดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนม.ค. 64 ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค. 63

นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนม.ค. ของจีน ยูโรโซน อังกฤษ และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/63 ของยูโรโซน ด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยทยอยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,466.98 จุด ลดลง 2.06% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 87,564.08 ล้านบาท ลดลง 2.99% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai 1.71% มาปิดที่ 356.33 จุด

หุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ นำโดย หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน ก่อนจะร่วงลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามแรงขายกลุ่มนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ประกอบกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสรรคของการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสภาคองเกรส และสัญญาณระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการประชุมเฟดรอบล่าสุด หุ้นไทยยังลงต่อในช่วงปลายสัปดาห์ แม้จะมีปัจจัยบวกจากการทยอยผ่อนคลายล็อกมาตรการคุมโควิด-19 ในประเทศบางส่วนก็ตาม

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (1-5 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,455 และ 1,425 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,480 และ 1,500 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (3 ก.พ.) สถานการณ์โควิด-19 ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 ของบจ. และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของไทย รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนม.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/63 ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI Composite เดือนม.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน