โควิดดันรถมือสองราคาพุ่ง รถบรรทุกโต 3.5% รับเปิดเมือง-เศรษฐกิจฟื้น

รถมือสอง

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้เทรนด์ราคารถยนต์มือสองช่วงโควิดพุ่ง “ดีมานด์เพิ่มขึ้น-โรงงานผลิตขาดแคลนชิ้นส่วน” คาดปีนี้ราคาเก๋งขยับ 1.5% รถบรรทุก 3.5% ปี 65 แนวโน้มพุ่งรับกำลังซื้อฟื้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ตลาดรถยนต์มือสองในสถานการณ์โควิด มีปัจจัยบวกจากความต้องการใช้รถยนต์ส่วนตัวเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณรถยนต์ที่ผลิตได้กลับสวนทาง โรงงานผลิตรถทั่วโลกติดปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญ อาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ใหม่ลากยาวไปจนถึงปี 2565

ส่งผลกระทบเกิดปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดรถมือสองโลกดีมานด์พุ่งอย่างรวดเร็วสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี ขณะที่มีสตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์นซื้อขายรถมือสองออนไลน์เกิดขึ้นหลายรายในประเทศกำลังพัฒนา โดยตลาดรถมือสองในไทยเทรนด์ปี 2564 ราคาขึ้นไม่มากนัก จากสาเหตุดังนี้

1.ปัญหาขาดแคลนชิปสำหรับผลิตรถไม่รุนแรงเท่าต่างประเทศ 2.ปริมาณรถยึดจากสถาบันการเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และ 3.กำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่

แนวโน้มปี 2565 คาดว่าราคารถมือสองของไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นเนื่องจากกำลังซื้อเริ่มพลิกฟื้นกลับมา ทั้งรถยนต์นั่งและรถบรรทุก แม้ว่าจะมีปริมาณรถยึดในช่วงครึ่งหลังปี 2564 เป็นปัจจัยฉุดดึงราคาอยู่ก็ตาม ทั้งนี้ รถบรรทุกมีโอกาสขยายตัวได้มากกว่ารถเก๋ง

“ราคารถมือสองปี 2564 น่าจะมีโอกาสขยายตัว 5.5% ถึง 7.5% สำหรับรถยนต์นั่ง และขยายตัว 1.5% ถึง 3.5% สำหรับรถบรรทุก และเมื่อเข้าสู่ปี 2565 ราคารถมือสองของไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่เริ่มกลับมา แม้ว่าจะมีปริมาณรถยึดที่ทยอยเข้ามาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 2564 เป็นปัจจัยฉุดดึงราคาอยู่ก็ตาม โดยเฉพาะในส่วนของรถบรรทุกมีโอกาสขยายตัวได้มากกว่า”

นอกจากนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังชี้ว่า ปัจจุบันพบพฤติกรรมการซื้อขายรถมือสองของไทยเปลี่ยนไป โดยมีโควิดเป็นปัจจัยเร่งให้การเลือกซื้อรถมือสองทำผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นด้วย โดยเริ่มจากในกรุงเทพฯและปริมณฑลก่อน แล้วจึงเข้าสู่ต่างจังหวัดตามกระแสนิยม โดยมีโอกาสที่ในอนาคตธุรกิจสตาร์ตอัพแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายประเทศจะมีบทบาทมากขึ้นในตลาดรถมือสองของไทย

ด้านแหล่งข่าวผู้จำหน่ายรถมือสองรายใหญ่ในประเทศเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดรถมือสองในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากปัจจัย 3 ด้าน คือ 1.การระบาดของโควิด 2.ยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลงจากปัญหาขาดแคลนชิปทำให้ผลิตได้น้อยลง ส่งผลให้รถใหม่ไหลเข้าตลาดรถมือสองน้อยลง และ 3.สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ

“ทั้ง 3 ปัจจัยส่งผลให้ตลาดรถมือสองในช่วง 8 เดือนแรก หดตัวประมาณ 15% จากยอดทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 1.8 ล้านคัน ส่วนช่วง 3 เดือนที่เหลือ จากปัจจัยมีการฉีดวัคซีนที่ดีขึ้นและภาครัฐมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ จะทำให้ตลาดโดยรวมดีขึ้น ส่วนปีหน้าหากวัคซีนเข้ามาครบและธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินได้ปกติ คาดว่าตลาดจะขยายตัวได้ราว 10% หรือมียอดขายทะลุ 2 ล้านคัน” แหล่งข่าวกล่าว