ยูโรปรับตัวดีขึ้น หลังปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลของเยอรมนีเริ่มคลี่คลาย

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/11) ที่ 32.67/68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวอยู่ในระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/11) ที่ 32.67/69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ขณนี้นักลงทุนยังคงเน้นไปที่ประเด็นร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขามีแผนที่จะพบปะกับสมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันในอังคารที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ณ อาคารรัฐสภาเพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้ วานนี้สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นอาร์เอฟ) คาดการณ์ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีนี้ อาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.558 แสนล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.5 ในช่วงเวลา 10 ปี ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.64-32.69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 32.64/65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้ (27/11) เปิดตลาดที่ระดับ 1.1916/18 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/11) ที่ระดับ 1.1860/62 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร เงินสกุลยูโรปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือนโดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สถาบันไอเอฟโอได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับดีขึ้นสู่ระดับ 117.5 ในเดือนพฤศจิกายน จาก 116.6 ในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ความผ่อนคลายทางการเมืองในประเทศเยอรมนียังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนค่าเงินยูโร ซึ่งก่อนหน้านี้นางเมอร์เคลเคยพยายามจะจัดตั้งรัฐบาลผสมสามฝ่ายร่วมกับพรรคฟรี เดโมแครต (เอฟดีพี) และพรรคกรีนส์ แต่การเจรจาดังกล่าวประสบความล้มเหลว และทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่า นางเมอร์เคลจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าพรรคเอสพีดีซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 เผยถึง “ความเป็นไปได้” ในการกลับมาร่วมรัฐบาลกับพรรคอันดับ 1 ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1910-1.1957 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.927/30 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนในวันนี้ (27/11) เปิดตลาดที่ระดับ 111.62/65 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/11) ที่ระดับ 111.41/43 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเปิดเผยตัวเลขพีเอ็มไอภาคการผลิตของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้น จาก 52.6 สู่ระดับ 53.8 ซึ่งขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2014 ดัชนีที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตขยายตัว รอยเตอร์รายงานว่าผลสำรวจขั้นต้นบ่งชี้ว่า กิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นมีการขยายตัวในเดือนพฤศจิกายนในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 3 ปีในขณะที่ผลผลิต ยอดสั่งซื้อใหม่ และยอดสั่งซื้อใหม่เพื่อส่งออกต่างก็เติบโตในอัตราที่เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีรายงานระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปีในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการเติบโตเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ได้รับแรงหนุนหลักจากยอดส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลง และการลงทุนมีการชะลอตัวลงบ้าง ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 111.14-111.68 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 111.28/29 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงต้นสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ (27/11) และดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนจากเฟดดัลลัส (27/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.7/-1.55 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -4.6/-1.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ