“กรมธนารักษ์” แจงการบริหารจัดการที่ดิน “ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.848” บ่อถ่านศิลา

กรมธนารักษ์ชี้แจงการดำเนินการบริหารจัดการที่ดินที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.848 (บ่อถ่านศิลา) จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เมื่อวันที่27 ธันวาคม 2560 กรมธนารักษ์ชี้แจงกรณี ดำเนินการบริหารจัดการที่ดินที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.848 (บ่อถ่านศิลา) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ 900,000 ไร่

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการบริหารจัดการที่ดิน ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.848 (บ่อถ่านศิลา) จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาอย่างต่อเนื่อง โดยมิได้เพิกเฉยต่อปัญหาและเลือกปฏิบัติกรณีราษฎรบุกรุกที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าวแต่อย่างใด โดยที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ. 848 เป็นที่ดินที่ได้มาโดยการหวงห้ามไว้เป็นบ่อถ่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอาณาเขตกว้างครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอ ได้แก่ อำเภอพระแสง คีรีรัฐ เคียนซา พนม และพุนพิน ซึ่งแบ่งการใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยสังเขป ดังนี้

1.กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนำไปปฏิรูปตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เนื้อที่ประมาณ 400,000 ไร่
2.กันเป็นพื้นที่กิจการเหมืองแร่ (บ่อถ่านศิลา) เนื้อที่ประมาณ 60,000 ไร่
3. พื้นที่เอกชนเช่าประกอบกิจการสวนปาล์ม เนื้อที่ประมาณ 49,000 ไร่
4. จัดให้ราษฎรเช่าอยู่อาศัยและทำกิน โครงการ “รัฐเอื้อราษฎร” เนื้อที่ประมาณ 11,000 ไร่
5. เป็นเขตทางหลวงเนื้อที่ประมาณ 15,000 ไร่
6. ที่ดินประเภทอื่น เช่น ที่ภูเขา ที่สาธารณประโยชน์ สวนป่า และพื้นที่อ่างเก็บน้ำ

อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ที่เป็นปัญหาปรากฏเป็นข่าวในปัจจุบัน เป็นบริเวณที่ทางราชการได้อนุญาตให้เอกชนเช่าประกอบกิจการสวนปาล์ม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2546 และระยะเวลาการอนุญาตที่ผูกพันกับกรมป่าไม้เดิมได้สิ้นสุดลง กรมธนารักษ์ได้นำพื้นที่ประมาณ 6,000 ไร่ เสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อดำเนินการจัดสรรให้ราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองเช่าตามระเบียบของทางราชการ ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการคัดสรรราษฎรผู้มีคุณสมบัติของ คทช. จังหวัดสุราษฎร์ธานี