ปี’61 ลุ้น บจ.กำไรอู้ฟู่ 1.1 ล้านล้าน โบรกเก็งหุ้น “เกษตร-รับเหมา-บันเทิง” แจ่ม

บล.เอเซีย พลัส ส่องกำไรสุทธิ บจ.ไตรมาส 4/60 แตะ 2.2-2.3 แสนล้านบาท ส่วนปี”61 บจ.ปั๊มกำไรโตทะยาน 14.5% แตะระดับ 1.1 ล้านล้านบาท ชี้กลุ่มเกษตร-รับเหมา-บันเทิง เรียงแถวโกยกำไรนำโด่ง

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในงวดไตรมาส 4/2560 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง โดยคาด บจ.จะทำกำไรสุทธิได้ราว 2.20-2.30 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 ที่ทำได้ 2.11 แสนล้านบาท และไตรมาส 4/2559 ที่ทำได้ 2.09 แสนล้านบาท

โดยสาเหตุที่กำไรสุทธิในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากผลประกอบการในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ อาทิ กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม, ค้าปลีก และกลุ่มพลังงาน ที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) ที่คาดว่าจะยังเติบโตได้ดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า

ขณะที่กำไร บจ.รวมทั้งปี 2560 คาดว่าจะทำได้ระดับ 9.75 แสนล้านบาท หรือเติบโต 4.7% จากปีก่อน หลังช่วง 9 เดือนแรก บจ.ทำกำไรสุทธิรวมแล้วกว่า 7.08 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดี คาดว่าผลประกอบการ บจ. ปี 2560 จะต่ำกว่าที่คาดไว้ช่วงต้นปีที่ระดับ 9.9 แสนล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบันทึกรายการพิเศษเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีก้อนใหญ่ของกลุ่มพลังงาน (กรณีการตั้งสำรองด้อยค่าของ ปตท.สผ.และ ปตท. มูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) และการตั้งสำรองหนี้เสียของกลุ่มแบงก์

“กลุ่มที่กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2560 นำโดยกลุ่มบันเทิง +16%, อสังหาริมทรัพย์ +29%, พลังงาน +28% และขนส่ง, ค้าปลีก, เครื่องจักรอุตสาหกรรม, ปิโตรเคมี ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่ากันราว 19%” นายเทิดศักดิ์กล่าว

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิ บจ.ในปี 2561 คาดจะทำได้ราว 1.1 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 113.57 บาท และคิดเป็น EPS growth กว่า 14.5% จากปีก่อนที่อยู่ 99.05 บาทต่อหุ้น ดังนั้นจึงเป็นตลาดที่มี EPS growth ปรับตัวเพิ่มมากสุดอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่ตลาดหุ้นอินเดียที่โต 28.2%

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตมากสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ธุรกิจการเกษตรโต 300% 2.รับเหมาก่อสร้าง 106%, 3.สื่อ-บันเทิง 84%, 4.ไอซีที 63% และ 5.ขนส่ง 33% ส่วนกลุ่มที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตน้อยสุด 5 อันดับ คือ 1.การแพทย์ -4%, 2.วัสดุก่อสร้าง 2%, 3.อสังหาฯ 5%, 4.ยานยนต์ 7% และ 5.พลังงาน 6%

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการและนักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดว่าอัตรากำไรสุทธิของ บจ.โดยรวมในปี 2561 จะเติบโตระดับ 9.2% จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 3.68% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวแบบกระจายตัวมากขึ้น หลังจากปี 2560 มีแรงผลักดันหลักจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่เป็นพระเอก

ขณะที่ปี 2561 คาดว่าการบริโภคเอกชนจะดีขึ้น และผลผลิตการเกษตรก็น่าจะเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้และกำลังซื้อของเกษตรกร รวมถึงอานิสงส์จากโครงการลงทุนรัฐ เช่น การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะกระตุ้นการลงทุนในประเทศได้ ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นที่กำไรจะเติบโตโดดเด่นในปีหน้า คือ กลุ่มที่อิงภาวะเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ กลุ่มแบงก์, ค้าปลีก, โรงแรม, นิคมอุตสาหกรรม และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น