กอช. จับมือหน่วยงานรัฐ 10 แห่ง เพิ่มสิทธิประโยชน์สมาชิก กอช.

กอช. จับมือหน่วยงานรัฐ 10 แห่ง เพิ่มสิทธิประโยชน์สมาชิก กอช. และยกระดับอำนวยความสะดวกทุกมิติให้ผู้สนใจออม
​​กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) “การส่งเสริมความร่วมมือการออมกับ กอช.” มีหน่วยงานรัฐ 10 แห่ง จับมือร่วมยกระดับขยายเครือข่ายส่งเสริมการออมและประชาสัมพันธ์ข้อมูล กอช. ให้ทั่วถึง ช่วยให้ประชาชนโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และแรงงานนอกระบบ เช่น อาชีพค้าขาย อาชีพอิสระ ได้เข้าถึงสิทธิ์การออมเงิน ที่มีรัฐช่วยออม พร้อมรับบำนาญจากรัฐ รวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สมาชิก กอช. เป็นของขวัญปีใหม่จาก กอช. มอบให้ประชาชน และมีส่วนสำคัญช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิก กอช. ได้ถึง 1.2 ล้านคน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2561
​​นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เปิดเผยว่า พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) “การส่งเสริมความร่วมมือการออมกับ กอช.” ที่มีหน่วยงานรัฐ 10 แห่ง เข้าร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้วย ได้แก่ 1.กระทรวงแรงงาน 2.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3.กระทรวงมหาดไทย 4.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 5.กระทรวงศึกษาธิการ 6.กรมบัญชีกลาง 7.สำนักงานประกันสังคม 8.สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ 9.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ 10.สภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อร่วมส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการและให้ความรู้เกี่ยวกับการออมเงิน การวางแผนการเงินเพื่อยามวัยเกษียณ ให้ประชาชนตระหนักและสนใจสมัครเป็นสมาชิกกับ กอช. รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของ กอช. เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในสิทธิประโยชน์ของการเป็นสมาชิก กอช.
“การลงนามครั้งนี้จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและบริการของ กอช. มากขึ้น นำไปสู่การออมอย่างต่อเนื่องกับ กอช. โดยมีรัฐช่วยออม พร้อมรับบำนาญจากรัฐ เพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินในยามวัยเกษียณ เช่นเดียวกับระบบบำนาญข้าราชการ หรือพนักงานในระบบที่มีนายจ้างดูแล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในประเทศ ให้ได้รับสวัสดิการด้านบำนาญจากรัฐอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังดูแล ผู้ที่เป็นสมาชิก กอช. ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ เพื่อฝึกทักษะอาชีพ สร้างรายได้ ทำให้มีเงินไว้ออมอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งทั้งหมด กอช. ขอมอบเป็นของขวัญให้ประชาชนเนื่องในโอกาสปีใหม่ 2561 นี้ด้วย”
ทั้งนี้ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวขอขอบคุณ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้บริหารกระทรวง กรม และหน่วยงานรัฐ ทั้ง 10 แห่ง ที่กำหนดให้หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล ร่วมเดินหน้าส่งเสริมการออม เป็นเครือข่ายกับ กอช. และเป็นหน่วยรับสมัครและบริการสมาชิก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญช่วยให้มีประชาชนที่ยังไม่ได้รับการดูแลด้านบำนาญจากรัฐ สนใจมาสมัครเป็นสมาชิก กอช. เพิ่มขึ้นถึง 1.2 ล้านคน ภายในปี 2561 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เปิดเผยว่า ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการส่งเงินสะสมของสมาชิกปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 24 ธันวาคม 2560 มีสมาชิกส่งเงินสะสมต่อเนื่อง เฉลี่ย 2.18 ล้านบาทต่อวัน โดยมีข้อมูลน่าสนใจพบว่า เฉพาะในวันที่ 25–26 ธันวาคม 2560 เพียง 2 วัน มีสมาชิกส่งเงินสะสมต่อเนื่อง รวมประมาณ 12.6 ล้านบาท เฉลี่ย 6.3 ล้านบาทต่อวัน สะท้อนให้เห็นถึงสมาชิก กอช. ยังมีความสนใจและมั่นใจที่จะส่งเงิน
ออมกับ กอช. อย่างต่อเนื่อง โดยมีรัฐช่วยออม เพื่อสร้างหลักประกันทางการเงินให้ตนเองในยามวัยเกษียณ ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญที่ กอช. ต้องยกระดับเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการออมเพื่อยามวัยเกษียณมากขึ้น จึงนำมาสู่พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) “การส่งเสริมความร่วมมือการออมกับ กอช.” ที่มีหน่วยงานรัฐทั้ง 10 แห่ง ให้เกียรติร่วมลงนามเพื่อเดินหน้าสังคมแห่งการออมกับ กอช. และได้รับเกียรติจากนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี
สำหรับขอบเขตความร่วมมือของแต่ละหน่วยงานจะมีทั้ง กรมบัญชีกลางกำหนดให้สำนักงานคลังจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นหน่วยรับสมัครและบริการสมาชิก กอช. เต็มรูปแบบ เพิ่มจากปัจจุบัน กอช. มีหน่วยรับสมัครและบริการสมาชิก ที่ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่งทุกสาขาทั่วประเทศ และที่สถาบันการเงินชุมชน 76 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งมีหน่วยงานที่จะร่วมเป็นเครือข่าย กอช. ช่วยอำนวยความสะดวกเป็นจุดกรอกใบสมัครหรือรับเงินสะสมจากสมาชิก เพื่อนำส่งให้ธนาคารที่เป็นหน่วยบริการของ กอช. นำเข้าระบบ รวมทั้งให้บริการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิก กอช. ส่วนบทบาทร่วมกันในทุกหน่วยงานจะส่งเสริมการออม การวางแผนการเงินเพื่อยามวัยเกษียณ การประชาสัมพันธ์ข้อมูล กอช. ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทั้งบุคคลภายในและภายนอกได้รับรู้อย่างทั่วถึง หรือสนใจสมัครเป็นสมาชิก กอช. อาทิ
กระทรวงมหาดไทย : โครงการผู้ว่าฯ ชวนออม, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดอบรมสร้างเสริมการพัฒนาอาชีพเพื่อการออมให้สมาชิก กอช. มีรายได้และนำมาเป็นเงินออมกับ กอช. ซึ่งมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดูแล, การเข้าร่วมประชุมประจำเดือนของหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ผ่านการกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของ กอช. ได้อย่างทั่วถึงกับประชาชนทุกระดับ
 
กระทรวงศึกษาธิการ : จัดตั้งชมรม“ต้นกล้าการออม” ในโรงเรียนนำร่อง พร้อมสนับสนุนกระบวนการเรียนการสอนให้นักเรียนตระหนักและมีวินัยการออม เช่น โครงการ “แปลงขยะให้เป็นเงินออม”
กระทรวงแรงงาน : สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศร่วมส่งเสริมให้ผู้ประกันตนเองมาตรา 40(1) ซึ่งได้รับการดูแลเฉพาะด้านสุขภาพ สมัครเป็นสมาชิก กอช. เพื่อได้รับการดูแลด้านบำนาญจากรัฐ, ให้สิทธิประโยชน์แก่สมาชิก กอช. เข้าอบรมพัฒนาฝีมือทักษะอาชีพกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งช่วยให้สมาชิกมีงานที่สามารถรับไปทำที่บ้านได้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : ให้ข้อมูล กอช. ในกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ต่างๆ กลุ่มชาวประมง และกลุ่มเกษตรกร, ให้สิทธิประโยชน์แก่สมาชิก กอช. เข้าอบรมเสริมทักษะความรู้จากหน่วยงานในสังกัด
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ : กอช. ร่วมกิจกรรมโครงการของกรมกิจการเด็กและเยาวชนระดับตำบลกว่า 7,000 แห่ง, ร่วมกันจัดทำหลักสูตรเตรียมความพร้อมก่อนสูงวัย, การส่งเสริมการออมกับ กอช. โดยมุ่งเน้นในชุมชนต่างๆ ร่วมกับสวัสดิการชุมชนและสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) : กอช. ร่วมจัดอบรมให้ความรู้ทางการเงินให้กับกลุ่มกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ, กอช.ร่วมสร้างศูนย์เรียนรู้ 84 แห่งทั่วประเทศ, ขยายฐานกองทุนหมู่บ้านให้ร่วมเป็นเครือข่าย กอช. ในการรับสมัครสมาชิก กอช. เป็นต้น
ซึ่งคาดว่าการลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) “การส่งเสริมความร่วมมือการออมกับ กอช.” จะเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งผลให้มีประชาชนโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และแรงงานนอกระบบ เช่น อาชีพค้าขาย อาชีพอิสระ เข้ารับสิทธิ์ได้บำนาญจากรัฐ โดยเป็นสมาชิก กอช. เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านคน ภายในปี 2561 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากสถานะกองทุนฯ ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2560 ที่มีสมาชิกรวม 529,663 คน