ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลัง IMF หั่น GDP สหรัฐเหลือ 2.9%

ภาพ : pixabay

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลัง IMF หั่น GDP สหรัฐเหลือ 2.9% ขณะที่ปัจจัยในประเทศจีนเริ่มเปิดให้สายการบินสัญชาติไทย สามารถทำการบินระหว่างไทย-จีน ได้แล้วบางส่วน ชี้เป็นสัญญาณดีเหตุนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดใหญ่  ก่อนที่เงินบาทจะปิดตลาดที่ระดับ 35.30/32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/6) ที่ระดับ 35.46/48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/6) ที่ระดับ 35.49/50 บาท หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยคาดการณ์ในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐจะขยายตัว 2.9% ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ครั้งล่าสุดในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่าจะขยายตัว 3.7%

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้อุปสงค์ชะลอตัวลง แต่ก็คาดว่าสหรัฐจะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างเฉียดฉิว

ส่วนในปี 2566 นั้น IMF คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 1.7% ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.3% และคาดว่าจีดีพีปี 2567 จะขยายตัวเพียง 0.8%

ในเดือน ต.ค.ปีที่แล้วนั้น IMF คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 5.2% ในปีนี้ แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่และภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทานทำให้เศรษฐกิจชะลอการฟื้นตัว นอกจากนี้การพุ่งขึ้นอย่างมากของราคาเชื้อเพลิงและอาหารซึ่งเป็นผลจากการที่รัสเซียทำสงครามในยูเครนนั้น ได้ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความยินดีภายหลังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน เปิดให้สายการบินสัญชาติไทยสามารถทำการบินระหว่างประเทศไทย-จีน ได้แล้วเบื้องต้น 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยเริ่มจากเปิดให้ประชาชนในกลุ่มนักธุรกิจ นักเรียน และนักศึกษาก่อน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลจีนได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศแล้ว จึงถือเป็นสัญญาณดีของในการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว

โดยที่ผ่านมา กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นกลุ่มหลักที่สร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวประเทศไทย จึงเชื่อว่าหลังจากนี้ทางการจีนจะเริ่มทยอยเปิดการเปิดทางระหว่างประเทศมากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 35.30-35.46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 35.30/32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวนี้ (27/6) ที่ระดับ 1.0357/59 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อศุกร์ (24/6) ที่ระดับ 1.0550/52 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0550-1.0591 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0583/85 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/6) ที่ระดับ 134.77/79 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/6) ที่ระดับ 135.00/02 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หลังกระทรวงฝ่ายกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด พุ่งขึ้น 2.1% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนี CPI พื้นฐานของญี่ปุนปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นนั้น ยังไม่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนยังคงส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาพลังงานในเดือน พ.ค.พุ่งขึ้น 17.1% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 134.52-135.23 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 135.03/05 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ (27/6), ยอดขายบ้านที่รอปิดการขายสหรัฐ (27/6), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (28/6), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อชิคาโก (30/6), ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐ (1/7)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.70/-1.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2.3/0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ