หมอยง เผยคำแนะนำฉีดวัคซีนโควิด เริ่มคล้ายไข้หวัดใหญ่

หมอยงพูด 10 เรื่องวัคซีน

นพ.ยงตั้งข้อสังเกต คำแนะนำฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ WHO และ สธ.ไทย เริ่มใกล้เคียงกับคำแนะนำการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ขณะเดียวกัน WHO แนะนำให้ใช้ mRNA Bivalent vaccine ต่อสายพันธุ์ BA.5 เป็นวัคซีนหลัก

วันที่ 31 มีนาคม 2566 นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก กล่าวถึงคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ WHO และคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไทย ที่เข้ามาใกล้เคียงกับการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในปัจจุบัน

นพ.ยง ภู่วรวรรณ ระบุว่า WHO แนะนำฉีดวัคซีนโควิด-19 (28 มีนาคม 2566) โดยเน้นป้องกันความเสี่ยงเสียชีวิตและป้องกันความรุนแรงของโรค

ดังนั้น การให้วัคซีนเข็มกระตุ้นมีการพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น อายุ โรคประจำตัว ภาวะภูมิคุ้มกัน และความรุนแรงสถานการณ์การระบาดของโรค

การให้วัคซีนเข็มกระตุ้น แนะนำให้เริ่มฉีดได้ที่ระยะเวลาตั้งแต่ 6 ถึง 12 เดือนขึ้นไปนับจากวัคซีนเข็มล่าสุด โดยให้เริ่มฉีดให้แก่กลุ่มความเสี่ยงสูง (High priority) เป็นลำดับแรก ได้แก่ ผู้สูงอายุ, ผู้ใหญ่ที่มีโรคอื่นร่วม ทำให้เสี่ยงสูง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ, ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ, กลุ่มเด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง, หญิงตั้งครรภ์ และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า

นพ.ยงกล่าวต่อไปว่า คำแนะนำนี้สอดคล้องกับคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขของไทย ที่แนะนำให้วัคซีนสองเข็มแรก ร่วมกับหนึ่งเข็มกระตุ้น ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงปานกลาง (Medium priority) ได้แก่ ผู้ใหญ่มีสุขภาพดี อายุ 50-60 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัวเสี่ยง และเด็ก วัยรุ่น ร่วมกับโรคประจำตัว มีปัจจัยเสี่ยง

ทั้งนี้ ประชากรกลุ่มนี้สามารถรับวัคซีนเข็มที่สี่ได้ แต่ไม่ได้แนะนำให้ฉีดทุกคน เนื่องจากอาจจะไม่เห็นผลในเชิง public health

ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มความเสี่ยงต่ำ (Low priority) ได้แก่ กลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่มีสุขภาพแข็งแรงดี อายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 17 ปี มีความเสี่ยงต่ำจากการติดเชื้อ และความรุนแรง จึงให้พิจารณา รับวัคซีนตามความจำเป็น โดยดูร่วมกับความรุนแรงของสถานการณ์ระบาด และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

โดยคำแนะนำเข้ามาใกล้เคียงกับการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ทาง WHO ได้มีการแนะนำให้ใช้ mRNA Bivalent vaccine ต่อสายพันธุ์ BA.5 ให้นำมาใช้เป็น Primary vaccine ได้แล้ว