เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นห่วงพฤติกรรมการดื่มสุราของคนไทยที่ติดอันดับโลก โดยเฉพาะนักดื่มหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนอายุ 15-19 ปี ที่มีแนวโน้มดื่มสุรามากขึ้นถึงร้อยละ 4.96 ต่อปี ขณะที่คนไทยใช้เวลาเพียง 4.5 นาทีในการเดินทางไปร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แสดงให้เห็นว่าประชาชนสามารถซื้อหาสุราได้ง่าย เพราะมีขายตามร้านค้าทั่วไปในชุมชน โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเคยระบุว่า คนไทยดื่มเหล้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด เห็นได้จากสถิติอุบัติเหตุในทุกช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว นอกจากนี้ ผลจากการดื่มสุรายังทำให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาด้วย เช่น การใช้ความรุนแรงในครอบครัว การทะเลาะวิวาท และอาชญากรรม
พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะ 10 ปี 2554-2563 โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง เช่น การกำหนดสถานที่ห้ามขายหรือห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเติม ทั้งสถานีขนส่ง ท่าเรือโดยสาร สถานีรถไฟ หรือรอบสถานศึกษา การกำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รณรงค์สร้างจิตสำนึกที่ดีแก่เยาวชน เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมและลดการบริโภค ลดนักดื่มหน้าใหม่ จำกัดและลดความรุนแรงของปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะนายกฯ อยากให้ประชาชนใช้โอกาสเทศกาลเข้าพรรษา 3 เดือน ลด ละ เลิกการดื่มสุรา ถือเป็นมหากุศลจากการปฏิบัติบูชา โดยจากการรณรงค์ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษาถึงร้อยละ 81.2 สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ ร้อยละ 80.5 มีสุขภาพร่างกายดีขึ้น ร้อยละ 50.2 มีสุขภาพจิตใจดีขึ้น และร้อยละ 31.1 มีความสุขและลดปัญหาในครอบครัวได้ นอกจากนี้ ยังได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหามาโดยตลอด และเชื่อว่าตัวนักดื่มและคนรอบข้างเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยลดปริมาณการดื่มสุราลงได้อย่างแท้จริง จึงขอความร่วมมือผู้ที่เกี่ยวข้องหันไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ
ที่มา มติชนออนไลน์