ชัชชาติเล็งย้ายที่ทำงาน “กทม. 2 ดินแดง” – อัพเกรดเสาชิงช้า ฮับเดินทางเมืองกรุง

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ชัชชาติ เยี่ยมพื้นที่ซอยช่างอากาศอุทิศ ย้ำแนวคิฯสัญจร ลงพื้นที่ทุกอาทิตย์ ไม่บอกล่วงหน้า ห้ามขึ้นป้าย-จัดขบวนต้อนรับ พร้อมเปิดทีมรองผู้ว่าฯ หลัง กกต.รับรอง เล็งย้ายที่ทำงานถาวรไปที่ กทม. 2 ดินแดง อัพเกรดศาลาว่าการ กทม.เสาชิงช้าเป็นพิพิธภัณฑ์และฮับคมนาคมขนส่ง

วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่พบปะประชาชนเขตดอนเมือง ซอยช่างอากาศอุทิศ 16 หลังจากที่เคยลงพื้นที่สำรวจปัญหาน้ำท่วมในช่วงฝนตกหนักมาแล้ว ครั้งนี้ร่วมกับนางปวีณา หงสกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายนันทพงศ์ แก้วศรี ผู้อำนวยการเขตดอนเมือง และนางกนกนุช กลิ่นสังข์ ว่าที่สมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ชี้จุดน้ำท่วมซ้ำซากต้องทุ่มเททรัพยากรเข้ามาแก้ไขปัญหา

ในระยะสั้นต้องจัดการเรื่องการผลักดันน้ำ ส่วนในระยะยาวต้องมีการวางแผนจัดการน้ำท่วมให้ดี อีกหนึ่งปัญหาที่เพิ่งทราบจากการลงพื้นที่ คือในพื้นที่ซอยช่างอากาศอุทิศ 16 บางส่วนยังเป็นของเอกชนที่ยังไม่ได้ยกให้กับสาธารณะ ทำให้ กทม.ยังไม่สามารถนำงบประมานลงมาปรับปรุงพื้นที่ได้

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

สำหรับระยะยาว นายชัชชาติกล่าวว่า ต้องตรวจสอบศักยภาพในการระบายน้ำของคลองเปรมประชากรให้ดี เนื่องจากเป็นจุดหลักในการระบายน้ำ แต่ตอนนี้มีปัญหาคลองตื้นเขินมาก ต้องทำการลอกคลองให้ลึกในระดับลบ 3 เมตร (จากเดิมที่อยู่ในระดับลบ 1 เมตร) เพื่อให้สามารถผลักดันน้ำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกแนวทางหนึ่งคือต้องไปยับยั้งน้ำจากต้นทางที่พื้นที่หลักหก โดยการสูบน้ำออกจากหลักหก สู่คลองรังสิตเพื่อระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนบน ซึ่งจะสามารถช่วยลดปริมาณน้ำจากต้นทางได้ ดังนั้นในภาพรวมจึงมีแนวทางอยู่ แต่ต้องทำงานร่วมกันทั้งผู้ว่าฯ ผอ. เขต และส่วนงานต่าง ๆ

นายชัชชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการทำงานตามแนวคิดผู้ว่าสัญจร ที่จะลงพื้นที่ชุมชนทุกวันอาทิตย์ แวะไปเยี่ยมเยียนศูนย์บริการต่าง ๆ ในชุมชน จะเป็นรูปแบบการทำงานที่ทำให้เห็นปัญหาได้ดีขึ้น แต่ก็จะไม่รบกวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่มาก โดยจะให้มาเพียงแค่ผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เช่น ผอ.เขต หัวหน้าส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.ย้ำว่า จะไม่มีการบอกล่วงหน้าว่าจะไปเขตไหน รวมถึงมีนโยบายในการห้ามจัดทำป้าย ห้ามจัดทำขบวนต้อนรับ เพื่อให้ไม่สร้างความลำบากกับประชาชน และไม่รบกวนเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานอื่นในวันหยุด

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

“เราจะเป็นผู้ว่าฯสัญจร ลงพื้นที่ตามเขตต่าง ๆ ตอนเช้าไปวิ่งสวน ปลูกต้นไม้ ประชุมกับเขต แต่เอาเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องไม่ได้รบกวนข้าราชการทั้งเขต ให้เขามีเวลากับครอบครัว ส่วนมากก็จะเป็นผู้บริหารที่ต้องมา อาจจะแวะไปเยี่ยมศูนย์สาธารณะสุข แล้วตอนบ่ายก็ไปเยี่ยมชุมชน จะได้รู้ปัญหาได้ดีขึ้น แต่จะพยายามไม่บอกล่วงหน้า ให้คึกคักกันทุกเขต ลุ้นว่าอาทิตย์นี้จะไปที่ไหน ห้ามขึ้นป้าย ห้ามมาต้อนรับ มาเฉพาะที่จำเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไปทำงานอย่างอื่น จะได้ไม่ต้องไปลำบากประชาชน” นายชัชชาติกล่าว

สำหรับกรณีที่นางปวีณา หงสกุล เข้ามาร่วมช่วยทีมเพื่อนชัชชาติในการทำงานมาโดยตลอด จนเป็นที่จับตามองว่า นางปวีณาจะมีโอกาสเข้ามาเป็นหนึ่งในรองผู้ว่าฯ ของทีมชัชชาติในอนาคตหรือไม่ นางปวีณาปฏิเสธและชี้แจงว่าจะคอยทำงานเบื้องหลังเพื่อสนับสนุนการทำงานของทีมชัชชาติเป็นหลัก

ส่วนกระแสข่าวเรื่องผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ นายชัชชาติชี้แจงว่า ไม่มีการกดดันจากทั้งทางพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล การเลือกผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ นายชัชชาติยืนยันว่าจะไม่มีการใช้ระบบโควตา ไม่มีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะจะเลือกด้วยตนเอง และพร้อมเปิดตัวคณะทำงานทันทีหลังจากได้รับการรับรองจาก กกต. ซึ่งผู้ที่จะเลือกมารับตำแหน่งรองผู้ว่าฯนั้นจะเป็นคนที่ทำงานจริง เป็นคนที่ซื่อสัตย์ โปร่งใส

ส่วนกรณี ดร.ยุ้ย เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หนึ่งในทีมงานฝ่ายนโยบายของนายชัชชาติ ปฏิเสธไม่เข้ารับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ นั้น นายชัชชาติชี้แจงว่า ทุกคนที่เข้ามาร่วมทำงาน ไม่ได้มีการคาดหวังตำแหน่งอะไรไว้เป็นพิเศษ

“ดร.ยุ้ยมีความเชี่ยวชาญในด้านยุทธศาสตร์ ในเรื่องการผลักดันนโยบายต่าง ๆ และในเรื่องของการคลัง ซึ่งมีความสำคัญในแง่ของการทำให้นโยบายกว่า 214 ข้อสามารถดำเนินการได้สำเร็จ ทำให้ตำแหน่งที่เหมาะสมอาจไม่ใช่ตำแหน่งรองผู้ว่าฯ แต่อาจเป็นหัวหน้าทางด้านยุทธศาสตร์มากกว่า”

นายชัชชาติย้ำว่า ทุกคนที่เปิดตัวมาไม่เคยมีการวางตำแหน่งไว้ ทุกคนมาร่วมทำงานด้วยใจ ส่วนเรื่องตำแหน่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในอนาคต

นอกจากนี้ นายชัชชาติยังกล่าวถึงนายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ ว่าเป็นคนที่ร่วมทำงานมาตั้งแต่แรก มีการพูดคุยทำงานกันตลอด และเป็นคนที่ทำงานหนัก มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต เป็นหนึ่งในกลุ่มที่กำลังพิจารณา เนื่องจากมีความเข้าใจในงาน รู้จักข้าราชการ เจ้าหน้าที่ กทม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากลงพื้นที่สำรวจซอยช่างอากาศอุทิศ 16 นายชัชชาติเดินทางไปที่ วัดเกาะสุวรรณาราม เขตสายไหม เพื่อเข้าร่วมพิธีเบิกเนตรท้าวเวสสุวรรณ พร้อมกับนางปวีณา หงสกุล นายศิธา ทิวารี และ ดร.รัตติกาล แก้วเกิดมี ว่าที่ ส.ก. เขตสายไหม พรรคไทยสร้างไทย

นายชัชชาติกล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ได้เจอกับว่าที่ ส.ก. เขตสายไหม ยินดีที่จะร่วมงานกับ ส.ก. ของพรรคไทยสร้างไทย และพร้อมที่จะเป็นผู้ว่าฯ ที่สามารถทำงานกับทุกคน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

ด้านนายศิธากล่าวว่า วันนี้ที่ได้เจอกับชัชชาติถือว่าเป็นการส่งมอบ ส.ก. พรรคไทยสร้างไทย ให้เข้าร่วมทำงานกับว่าที่ผู้ว่าฯ อย่างเป็นทางการ และยังได้ฝากนโยบายเรื่องรถโดยสารที่จะวิ่งในโซนใต้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ให้ชัชชาตินำไปพิจารณาอีกด้วย

นายชัชชาติให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงประเด็นสถานที่ทำงานหลังรับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยว่า ในระยะยาวที่ทำการ กทม. ควรจะมีแห่งเดียว ปัจจุบันมีผู้บริหารหลายท่านที่นั่งทำงานทั้งดินแดง 2 และดินแดง 1 เสาชิงช้า

“ศาลากลาง กทม.ที่เสาชิงช้าเป็นอาคารประวัติศาสตร์ เราสามารถที่จะใช้อาคารทำเป็นพิพิธภัณฑ์คนเมือง หรือพิพิธภัณฑ์อื่นที่ดีได้ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องพื้นที่นิดหน่อย แต่มันต้องตั้งคณะทำงานในการย้ายเลย รวมถึงลานคนเมือง”

“ทำไมถึงตั้งศาลากลางที่เสาชิงช้า เพราะเสาชิงช้าคือสะดือกรุงเทพ ลานคนเมืองเป็นฮับของการสัญจรในการเดินทางในเกาะรัตนโกสินทร์เลย ดังนั้นควรจะเอาลานคนเมืองตรงนี้คืนมาเป็นฮับในการกระจายออก มาลงเสาชิงช้าแล้วมีจักรยาน เดินเที่ยวได้เลย ผมว่าน่าจะมีศักยภาพมากกว่าที่เป็นที่จอดรถของข้าราชการ ให้ลานคนเมืองมีศักยภาพมีความสง่างามมากขึ้น”

โดยแนวทางตั้งเป้าในมีการย้าย 100% ซึ่งอาจจะติดขัดนิดหน่อยเพราะมีคนทำงานยังอยู่ 2 สำนัก ได้แก่ สำนักงบประมาณ และสำนักการเงิน ต้องหาพื้นที่ใหม่ให้ทำงาน หรือต้องเปิดบางชั้นให้ทำงานไปก่อน ในขณะที่ห้องประชุม ห้องทำงานผู้บริหาร ต้องย้ายมาที่ดินแดง 2 ให้หมด