ค่าโดยสาร “สายสีน้ำเงิน” ราคาเดิมถึงสิ้นปี คมนาคม เร่งถก BEM

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

กระทรวงคมนาคม หารือ BEM คงอัตราค่าโดยสาร MRT “สายสีน้ำเงิน” 17-42 บาท ถึง 31 ธ.ค. ช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชน

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมัน และผู้โดยสารรถสาธารณะ จึงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชน โดยกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในฐานะผู้รับสัมปทาน เพื่อหาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น

โดยคงอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีน้ำเงิน หรือสายเฉลิมรัชมงคล ในราคาเดิม เริ่มต้นที่ 17 บาท สูงสุด 42 บาท พร้อมส่วนลดพิเศษสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ 50% และสำหรับนักเรียน นักศึกษา 10% ของอัตราค่าโดยสารบุคคลทั่วไป ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนผู้โดยสารไปได้อีกระยะหนึ่ง

นายธนกร กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 มีมติเห็นชอบร่างข้อบังคับ รฟม. ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารสายเฉลิมรัชมงคล สายฉลองรัชธรรม และอัตราค่าโดยสารร่วม รวม 3 ฉบับ ตามนัยมาตรา 18 (13) แห่ง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ

ร่างข้อบังคับดังกล่าว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสารใหม่ตามวิธีการในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยอัตราค่าโดยสารใหม่จะมีอัตราเริ่มต้นที่ 17 บาท สูงสุด 43 บาท โดยสถานีที่ 6, 9, 11 และ 12 ขึ้นไป จะมีอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1 บาท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป โดยรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร จึงร่วมหารือเพื่อคงค่าอัตราโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินราคาเดิมต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565

“นายกฯ เข้าใจถึงปัญหาภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของพี่น้องประชาชน จากผลกระทบเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้น้ำมันและผู้โดยสารรถสาธารณะต่าง ๆ ที่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายประจำวันเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันด้วย ซึ่งนายกฯ ได้กำชับหน่วยงานและขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ช่วยกันดูแลประชาชนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย” นายธนกร กล่าว