TKS พลิกโฉมธุรกิจการพิมพ์สู่ผู้สร้างระบบนิเวศเทคโนโลยี

T.K.S. Group ผนึก SYNEX กางแผนธุรกิจปี 2566 ขยายพอร์ต-รุกซื้อหุ้นบริษัทเทคฯ ต่อเนื่อง พลิกโฉมธุรกิจเก่าแก่ 60 ปี ขึ้นแท่น Tech Ecosystem Builder 

วันที่ 12 มกราคม 2566 นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS เปิดเผยถึงทิศทางการเติบโตทางธุรกิจในปี 2566 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Tech Ecosystem Builder” ว่า TKS จะเดินหน้ากลยุทธ์ในการขยายการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี (Tech) อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการเจรจาหลายราย ซึ่งจะเข้ามาต่อยอดระบบนิเวศของบริษัทในด้านเทคโนโลยีได้

โดยล่าสุด บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT จำนวน 280,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 21.03% เมื่อรวมกับที่ถืออยู่เดิมจะถือหุ้นใน AIT ที่ 22.48%

ทรานส์ฟอร์มธุรกิจการพิมพ์ สู่ความยั่งยืนระยะยาว

นายจุติพันธ์กล่าวถึงความเป็นมาของบริษัทว่า ดั้งเดิมธุรกิจของ TKS เป็นร้านเครื่องเขียนที่เริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 ก่อนจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจการพิมพ์ และยังปรับตัวสู่การเป็นผู้จัดหา (Distribution) สินค้าไอทีจนสามารถแยก Synex ออกมาและนำ Synex เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์จนปัจจุบัน Synex เติบโตอย่างต่อเนื่อง 

ด้าน TKS ควบรวมกับสยามพริ๊นติ้ง นำเทคโนโลยีโซลูชันการพิมพ์ใหม่ ๆ มาทรานส์ฟอร์มตัวเองสู่การเป็น Security Printing ที่สร้างรายได้กว่า 1.5 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา 

ในขณะเดียวกัน TKS กลับเผชิญความท้าทายจากโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในธุรกิจดั้งเดิมที่อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ที่ความนิยมถดถอยเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงมีการพิจารณาถึงความยั่งยืนในอนาคตว่า หากธุรกิจการพิมพ์ดั้งเดิมเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ ย่อมทำให้บริษัทตกที่นั่งลำบาก ดังนั้นจึงต้องต่อจิ๊กซอว์มองหาโอกาสที่จะเติบโตในระยะยาว 

ด้วยเหตุนี้ทำให้ TKS ต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยเริ่มทรานส์ฟอร์มองค์กรตัวเองตั้งแต่ปี 2018 โดยการตั้งบริษัทสตาร์ตอัพ Gofive เพื่อทดลองโปรดักต์ดิจิทัล ยิ่งเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้เห็นว่าการทรานส์ฟอร์มตัวเองสำคัญ และทุกคนต่างตระหนักในการใช้เทคโนโลยีดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ TKS จะนำประสบการณ์ที่มีมาสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีเพื่อเอื้อให้องค์กรไทยทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลได้ดีขึ้น

TKS จึงเดินหน้าเข้าสร้างการเป็นหุ้นส่วนของ SABUY Technology หรือ PTECH ในปี 2021 ที่เน้นการสร้างระบบนิเวศด้านเปย์เมนต์ อีกส่วนคือการตั้งกองทุน Next Venture ในปีที่ผ่านมาเพื่อมองหาการลงทุนในสตาร์ตอัพที่จะสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว ในปี 2022 

นอกจากนี้ ยังมีดีลใหญ่มูลค่า 2.1 พันล้าน คือการเข้าซื้อหุ้น AIT และ Metro สองยักษ์ด้าน SI หรือผู้บริการวางระบบไอทีให้กับองค์กรขนาดใหญ่มากมาย ซึ่งสองรายหลังนี้จะทำให้ TKS ก้าวเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีให้องค์กรใหญ่ได้ดีขึ้น 

“บริษัทเชื่อว่าการเข้าลงทุนใน AIT จะช่วยสนับสนุนการเติบโตนอกเหนือจากสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก AIT แล้ว ยังสามารถขยายขอบเขตการลงทุนและกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างธุรกิจผู้รับเหมาระบบสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร (System Integrator หรือ SI) ให้บริการในกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน

โดยมีลักษณะการขายเป็นแบบเบ็ดเสร็จ หรือเทิร์นคีย์ (Turn Key) ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางแผนงาน การออกแบบระบบงาน การดำเนินการติดตั้ง การฝึกอบรม และการซ่อมบำรุงรักษา ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมที่ทางกลุ่มบริษัทได้ดำเนินการอยู่แล้ว และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัท ในการเป็นส่วนหนึ่งของ Tech Ecosystem Builder ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนได้

ที่ผ่านมา TKS ได้มุ่งเน้นการปรับแผนธุรกิจของบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบสารสนเทศ และได้ปรับโครงสร้างองค์กรในกลุ่มบริษัทให้เกิดผลผนึกทั้งด้านการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ และด้านการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

“ปี 2566 เชื่อว่ายังเห็นการเติบโตที่ดีของ TKS แม้จะมียอดขายบางส่วนลดลง แต่บางกลุ่มก็เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังเชื่อว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 10% ซึ่งยังเดินหน้าในการขยายการลงทุนใหม่ ๆ ตามกลยุทธ์การเป็น Tech Ecosystem Builder ที่ผ่านมาก็ได้มีการสร้าง Ecosystem ไว้จำนวนมาก

แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของ TKS ที่หลายคนมีความกังวลก่อนหน้านี้ว่าจะไม่เห็นการเติบโตจากธุรกิจเดิม แต่จริง ๆ แล้วธุรกิจเดิมได้มีการวางรากฐานไว้อย่างแข็งแกร่ง การมีธุรกิจใหม่ยิ่งเข้ามาช่วยเสริม ดังนั้นน่าจะเห็นการลงทุนใหม่ ๆ ต่อเนื่อง” นายจุติพันธุ์กล่าว

ส่วนธุรกิจเดิมด้านการพิมพ์ มีการวางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง ผลประกอบการยังรักษาระดับได้ และในปีนี้จะมีการเลือกตั้ง บริษัทก็มีโอกาสที่จะได้รับงานพิมพ์บัตรเลือกตั้งด้วย นับว่าเป็นอัพไซด์ให้แก่ธุรกิจด้วย รวมไปถึงบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX บริษัทในเครือก็สร้างการเติบโตได้ดี จากความต้องการไอทียังมีต่อเนื่อง 

ซินเน็ค มุ่งเสริมแกร่ง IT Ecosystem 

ไม่เพียงแต่บริษัทแม่อย่าง TKS จะรุกขยายอาณาจักรในฐานะผู้สร้างระบบนิเวศเทคโนโลยี หรือ Tech Ecosystem Builder แต่บริษัทลูกอย่าง บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ด้านไอทีอีโคซิสเต็ม ที่มีรายได้และการเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงโควิดที่ผ่านมายังเดินหน้าขยายอาณาจักรของตนด้วยการ ตั้งบริษัทด้านบริการ เข้าซื้อบริษัทไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เพิ่มทุนให้กับซีอีโอในการพิจารณาลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยรหรือด้านไอทีที่ ซีอีโอสามารถตัดสินใจได้ทันทีกว่า 100ล้านบาท 

นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาซินเน็คเป็นผู้นำตลาดในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที ครอบคลุมสินค้ากว่า 70 แบรนด์ชั้นนำ มีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 6,000 ราย และมีศูนย์บริการและพันธมิตรกว่า 75 แห่งโดยมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ซินเน็คเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ และจุดเปลี่ยนต่าง ๆ ทั้งในทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็น Lifestyle การเข้าถึง Digital Platform & Connected devices การทำงานแบบ Hybrid Security & Privacy การเข้าถึงความบันเทิงต่าง ๆ รวมถึงการกลับมาของธุรกิจท่องเที่ยว วิสัยทัศน์ของบริษัทจึงมุ่งเน้นเพื่อตอบสนองและคว้าโอกาสเหล่านั้นไว้ โดยมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็น No.1 IT Ecosystem

โดยปี 2566 จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ซินเน็คจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Commercial จากการขายแบบเดิมไปสู่การนำเสนอแบบ Solution-Based โดยเป็นการนำเสนอ Solution เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซินเน็คจึงเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อเข้ามาเติมเต็มระบบนิเวศให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สำหรับความร่วมมือของกลุ่มบริษัท ระหว่าง TKS และ AIT เป็นอีกดีลที่จะเข้ามาสนับสนุนให้ซินเน็คขยายบริการไปยังกลุ่มธุรกิจผู้รับเหมาระบบสารสนเทศและการสื่อสาร (SI) ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เป็นโอกาสบุกตลาดใหม่ ๆ ที่มีการเติบโต ตอบโจทย์ลูกค้าในยุค Digital Transformation

จากก่อนหน้านี้ ซินเน็คได้ขยายเข้าไปในกลุ่มสินค้าระบบเครือข่ายและความปลอดภัย (Network & Security) ที่ได้ร่วมมือกับ Cybertron ลุยเรื่อง Cybersecurity และล่าสุดจับมือ Alibaba could ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับโซลูชั่นฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ให้บริการของซินเน็คได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ

นอกจากนี้ ในด้านบริการที่เป็นจุดแข็งของซินเน็คได้มีการแยกธุรกิจโซลูชั่นบริการด้านไอที ในชื่อ Service Point., LTD. เพื่อสนับสนุนบริการหลังการขายให้พาร์ตเนอร์ ซึ่งปัจจุบันได้รับความไว้วางใจในการแต่งตั้งซินเน็คให้เป็น authorized service center ให้สินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนกว่า 21 แบรนด์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้พันธมิตรใน Ecosystem ของกลุ่มบริษัท TKS และ SYNEX  

สำหรับปี 2566 ซินเน็คมองตลาดสินค้าคอนซูเมอร์ ยังคงเติบโต รับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งการเรียนการสอน การทำงาน หรือธุรกรรมออนไลน์ อีกทั้งกลุ่มสินค้าเกมมิ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตไปอีกไกล จากพฤติกรรมของเกมเมอร์ยุคใหม่ และความนิยมจากกีฬา E-Sport ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ สะท้อนซินเน็คอยู่ในธุรกิจสินค้าเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่เติบโตเป็นเมกะเทรนด์ขาขึ้น

“ปีนี้เรามีดีลใหญ่กันตั้งแต่ต้นปีในกลุ่มของบริษัท การลงทุนของ TKS ในครั้งนี้ก็เป็นผลให้ซินเน็คแข็งแกร่งมากขึ้นในส่วนของกลุ่มสินค้าคอมเมอร์เชียล ก็คาดหวังว่า จะสามารถทำให้เราสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น เป็นอีก New S-Curve ให้ซินเน็คในพอร์ตของธุรกิจ B2B นอกจากนี้ในปี 2566 เรายังมุ่งมั่นบริหารงานโดยคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (ESG) สร้างการเติบโตทุกมิติอย่างยั่งยืน เพื่อสะท้อนการเป็นผู้นำไอทีอีโคซิสเต็มอย่างเต็มรูปแบบ” นางสาวสุธิดากล่าวปิดท้าย