Adobe ยันภาพที่สร้าง-แก้ไขด้วย “เอไอ” ไม่มีปัญหาลิขสิทธิ์

Adobe ยกเครื่องซอฟต์แวร์ อัพเกรด Generative AI ยกแผง ชี้ใช้ข้อมูล Credential เทรนเอไอของ Adobe Firefly ไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ กำลังพัฒนาโมเดลสร้าง-แก้ไขภาพด้วยเอไอที่ไม่มีปัญหาด้านลิขสิทธิ์สำหรับองค์กรนำไปใช้เชิงพาณิชย์

วันที่ 18 ตุลาคม 2566 นายไซมอน เดล รองประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลีของ Adobe เปิดเผยว่า Adobe Firefly ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยสร้างและแก้ไขภาพ-เวกเตอร์ ด้วย Generative AI ได้รับการเทรนเฉพาะกับชุดข้อมูลที่มั่นใจว่าอะโดบีมีสิทธิใช้เท่านั้น เป็นชุดข้อมูลที่เรียกว่า Content Credentials

“เรากำลังฝึกอบรมโมเดลแบบเอไอ สำหรับ Firefly เชิงพาณิชย์เบื้องต้นเกี่ยวกับเนื้อหาด้านลิขสิทธิ์ เช่น Adobe Stock และเนื้อหาที่เป็นสาธารณสมบัติที่ลิขสิทธิ์หมดอายุ”

นายเดลกล่าวด้วยว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการ Generate ภาพด้วย AI นั้น อะโดบีใช้ระบบ “เครดิต”

เราใช้โมเดลเครดิตสำหรับ GenAI ส่วนแพกพื้นฐาน Firefly ของเราใช้ฟรีและมาพร้อมกับ 25 เครดิตต่อเดือน ผู้ใช้สามารถชำระค่าสมัครสมาชิกรายเดือนจำนวน 100 เครดิตภายใน Firefly การสมัครสมาชิก Creative Cloud, Adobe Express หรือ Adobe Stock อื่น ๆ ทั้งหมดตอนนี้รวมเครดิตการสร้างภาพจากเอไอเป็นรายเดือนแล้ว

นอกจากนี้ นายเดลยังได้มีการอัพเดตข้อมูลที่ได้จากงานประชุม Adobe MAX 2023 ซึ่งเป็นการประชุมด้านงานครีเอทีฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ไม่เพียงเท่านั้น Adobe ยังได้มีการอัพเกรดยกเครื่องซอฟต์แวร์จำนวนมากด้วย Generative AI ดังนี้

อัพเกรด Generative AI ในซอฟต์แวร์

นอกจากนี้อะโดบีเปิดตัวโมเดล Firefly ใหม่ 3 โมเดล ได้แก่ Adobe Firefly Image 2 Model, Adobe Firefly Vector Model และ Adobe Firefly Design Model ซึ่งเป็นโมเดลที่ออกแบบมาเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่สามารถใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย พร้อมกันนี้อะโดบีได้เปิดตัวฟีเจอร์ AI ใหม่ที่สำคัญมากกว่า 100 รายการ รวมถึงอัพเดตในแอปพลิเคชั่นหลัก ๆ ของ Creative Cloud เช่น Adobe Illustrator, Adobe Photoshop, Adobe Lightroom, Adobe Premiere Pro, Adobe After Effects และ Adobe Stock

ในส่วนของภาคธุรกิจ อะโดบีได้ขยายบริการซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ให้องค์กรที่ต้องการใช้พลังของเอไอมาช่วยงาน อะโดบีจึงได้นำเสนอ Adobe GenStudio ซึ่งเป็นโซลูชั่นใหม่สำหรับการคิดค้นไอเดีย การสร้างคอนเทนต์ การผลิต และการเปิดใช้งาน พร้อมด้วย Firefly Generative AI ที่สามารถปรับแต่งได้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการสนับสนุนซัพพลายเชนด้านคอนเทนต์ระดับองค์กร โซลูชั่นนี้ผนวกรวม Creative Cloud, Firefly, Express, Frame.io, Analytics, AEM Assets และ Workfront

อัพเกรด Adobe Firefly 2.0

อะโดบีได้ประกาศเปิดตัว Firefly Image 2 Model, Adobe Firefly Vector Model และ Adobe Firefly Design Model ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรีลีสที่สำคัญในส่วนของโมเดล Generative AI สำหรับงานครีเอทีฟ Firefly Image 2 คือโมเดลการสร้างภาพรุ่นใหม่ที่ช่วยยกระดับการควบคุมงานครีเอทีฟและคุณภาพสำหรับผู้ใช้ Firefly Image 2 สร้างภาพที่มีคุณภาพเหนือกว่า แสดงผลภาพบุคคลได้แม่นยำยิ่งขึ้น และปรับปรุงการจัดตำแหน่งข้อความ เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับครีเอเตอร์

ส่วน Firefly Vector Model เป็นโมเดล Generative AI ตัวแรกของโลกที่มุ่งเน้นการผลิตกราฟิกแบบเวกเตอร์ โดยนำเอาความเชี่ยวชาญด้านกราฟิกแบบเวกเตอร์และ Generative AI ของอะโดบีมาสู่เวิร์กโฟลว์ Adobe Illustrator โดยตรง ด้วยฟีเจอร์ Text to Vector Graphic ซึ่งใช้ในการสร้างโลโก้ กราฟิกสำหรับเว็บไซต์ บรรจุภัณฑ์สินค้า ไอคอน และอื่น ๆ

Firefly Design Model ขับเคลื่อนการสร้างดีไซน์เทมเพลตคุณภาพสูงได้อย่างฉับไว เช่น ใบปลิว โปสเตอร์ บัตรเชิญ และอื่น ๆ โดยเรียกใช้งานภายใน Express ได้โดยตรง ด้วยฟีเจอร์ใหม่ Text to Template

ข้อมูลรับรองคอนเทนต์ (Content Credentials) ซึ่งทำหน้าที่เป็น “ฉลาก” ดิจิทัลสำหรับคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI จะถูกแนบไปกับเอาต์พุตของ Firefly โดยอัตโนมัติ และสามารถแสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชื่อผู้สร้าง วันที่ การแก้ไข และเครื่องมือที่ใช้

ดังนั้นมั่นใจได้ว่า การปรับใช้ Content Credentials ในระดับองค์กรสำหรับอุตสาหกรรมโฆษณาและงานครีเอทีฟ จะสร้างความเชื่อมั่นทางออนไลน์สำหรับแบรนด์ชั้นนำได้

นวัตกรรม Creative Cloud

จากความสำเร็จของ Generative Fill ใน Photoshop ซึ่งมีอัตราการนำไปใช้มากถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า อะโดบีได้เปิดตัวเวิร์กโฟลว์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly ใน Illustrator พร้อมฟีเจอร์ Text to Vector Graphic

ส่วนใน Adobe Express จะประกอบด้วยฟีเจอร์ Generative Fill และ Text to Template นวัตกรรมเพิ่มเติมใน Creative Cloud ครอบคลุมถึงเครื่องมือใหม่ ๆ ใน Illustrator เช่น Mockup และ Retype และการอัพเดตสำหรับ Share for Review พร้อมด้วย Illustrator on the web โฉมใหม่ ความก้าวหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใน Lightroom ได้แก่ Lens Blur, HDR Optimization, Point Color รวมไปถึงการแก้ไขแบบใหม่ที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้นใน Lightroom Mobile

นอกจากนี้ อะโดบียังประกาศความพร้อมใช้งานทั่วไปของ Photoshop on the web พร้อมด้วยฟีเจอร์ Generative Fill และ Generative Expand ที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly ซึ่งตอนนี้สามารถใช้ได้บนอุปกรณ์ Google Chromebook Plus และอะโดบียังได้เปิดตัวฟีเจอร์ Text-Based Editing และการปรับปรุงการเคลื่อนไหว ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ใน Premiere Pro และ After Effects

รวมถึงการเผยแพร่วิดีโอคอนเทนต์อย่างไร้รอยต่อไปยัง TikTok, YouTube และ Facebook จาก Express และ Premiere Pro และยังมีนวัตกรรมใหม่อื่น ๆ อีกมากมายในแอปต่าง ๆ บน Creative Cloud

นวัตกรรม Adobe Express

ตอนนี้ผู้ใช้ Express สามารถใช้ Generative Fill ซึ่งเป็น Co-pilot ด้านงานครีเอทีฟที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly ช่วยให้สามารถแทรก ลบ หรือแทนที่วัตถุ ผู้คน และสิ่งอื่น ๆ ในภาพได้อย่างง่ายดายโดยใช้เพียงคำอธิบาย นอกจากนี้ ยังมี Text to Template ซึ่งเป็นความสามารถด้าน Generative AI ที่สร้างขึ้นจาก Firefly Design Model ช่วยให้สามารถเริ่มต้นการออกแบบได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้จะสามารถสร้างเทมเพลตที่สวยงามและแก้ไขได้

โดยเพียงแค่พิมพ์ป้อนข้อความคำอธิบาย ส่วนฟีเจอร์ Translate จะช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาในการแปลคอนเทนต์ ด้วยตัวเลือกภาษาที่มากถึง 45 ภาษา ขณะที่ฟีเจอร์ใหม่ Drawing and Painting มีการเพิ่มเติมสีและพู่กันตกแต่งหลากสีสันมากกว่า 50 แบบ โดยมีการเลียนแบบถ่าน ดินสอ พื้นผิวสีน้ำ รวมถึงเทมเพลตการวาดภาพที่เหมาะกับนักเรียน ซึ่งมีอยู่ใน Express for Education ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกแบบเอฟเฟ็กต์ที่สวยงาม เช่น ดอกไม้ หัวใจ และอื่น ๆ ได้อย่างง่ายและรวดเร็ว

Adobe GenStudio และ Adobe Experience Manager

นอกจากนั้น อะโดบียังได้สาธิต Adobe GenStudio ซึ่งเป็นโซลูชั่นแบบครบวงจรใหม่ล่าสุดที่รวบรวมแอปพลิเคชั่นที่ดีที่สุดเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในส่วนของ Creative Cloud, Express และ Experience Cloud โดยมี Firefly Generative AI เป็นแกนหลัก เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถตอบสนองความต้องการด้านคอนเทนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น

อะโดบีได้เผยโฉมการปรับแต่งที่ทรงพลังของโมเดล Firefly รวมไปถึง API ใหม่ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าคอนเทนต์ขององค์กรจะมีความสอดคล้องกับแนวทางของแบรนด์และสามารถปรับขนาดได้ โดยครอบคลุมทั้งเวิร์กโฟลว์ด้านการตลาดและงานครีเอทีฟ ด้วยการปรับปรุงซัพพลายเชนด้านคอนเทนต์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและนำเสนอคอนเทนต์ที่สร้างผลกระทบต่อประสบการณ์ของลูกค้า

แบรนด์ต่าง ๆ จึงสามารถขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจโดยอาศัยการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมและความภักดีของลูกค้า นอกจากนี้ อะโดบีกำลังปรับโฉมประสบการณ์ของลูกค้าด้วย Adobe Experience Manager Sites

ซึ่งประกอบด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจต่าง ๆ สามารถทดสอบและปรับแต่งเว็บคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นการซื้อ และเพิ่มความเร็วในการแสดงผลเว็บไซต์อย่างเหนือชั้น ด้วยเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่พัฒนาโดยอะโดบี รวมถึงโค้ด Boiler Plate ที่ปรับปรุงใหม่ การแสดงผลเว็บเพจเป็นระยะ ๆ การแคชข้อมูลแบบถาวร และการตรวจสอบผู้ใช้จริงอย่างต่อเนื่อง