ศึกชิงสมรภูมิ ฟู้ดดีลิเวอรี่ เปิดดีล…ไลน์แมน วงใน

ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีดีลใหญ่สำคัญของวงการฟู้ดดีลิเวอรี่ของไทย อย่างไลน์แมน วงใน ที่สร้างเสียงฮือฮาให้แก่วงการสตาร์ตอัพไทยไม่น้อย

ล่าสุด “ยอด ชินสุภัคกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลน์แมน วงใน จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนดีมานด์และข้อมูลร้านอาหารของไทย “ไลน์แมน วงใน” กล่าวว่า การควบรวมครั้งนี้ได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ “ไลน์แมน วงใน” โดยไม่ได้มีใครซื้อใคร

ซึ่งไลน์ ถือหุ้นสัดส่วนกว่า 40% ที่เหลือเป็นบริษัท วงใน มีเดีย จำกัด และอื่นๆ ซึ่งการควบรวมครั้งนี้เกิดจากการเห็นโอกาสสร้างการเติบโตซึ่งกันและกัน เพื่อเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายธุรกิจให้เร็วขึ้นทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ยังได้รับการเงินลงทุนมูลค่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,300 ล้านบาท จาก BRV Capital Management สำหรับการขยายธุรกิจ เขาขยายความว่า การรวมกันครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการเป็นแค่เบอร์ 1 ในตลาดฟู้ดดีลิเวอรี่ แต่ต้องการเป็นเบอร์ 1 ด้านแพลตฟอร์มด้านอาาหารอันดับ 1 ของไทยด้วย

เนื่องจากหลังการรวมตัวแล้วจะมีบริการใหม่ๆ ที่หลากหลายครอบคลุมการตั้งแต่บริการสำหรับความต้องการของผู้บริโภคทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกร้านที่ตรงกับความต้องการที่สุด สั่งดีลิเวอรี่ไปส่งถึงบ้าน สั่งอาหารแล้วไปรับเองที่ร้าน หรือจองโต๊ะล่วงหน้า ในฝั่งของร้านอาหาร จะนำเสนอบริการทั้งสื่อประชาสัมพันธ์ ช่องทางการขายใหม่ๆ และซอฟต์แวร์จัดการร้านอาหาร โดยเชื่อมแพลตฟอร์มของทั้ง LINE MAN และ Wongnai เข้าด้วยกัน

เสริมจุดแข็ง ปิดจุดอ่อน

อย่างไรก็ตามจุดแข็งสำคัญ ของไลน์แมน คือ มีผู้ใช้บริการที่เข้าถึงไลน์กว่า 47 ล้านคน ส่วนไลน์แมน มียอดดาวน์โหลด 9 ล้านครั้ง และมีร้านอาหารที่เป็นพาร์ทเนอร์ 2 แสนร้านค้า ขณะที่วงใน มีร้านอาหารที่เป็นพันธมิตร 430,000 ร้านค้าทั่วประเทศ มียอดผู้เข้าใช้บริการกว่า 21 ล้านครั้งต่อเดือน ซึ่งการรวมกันทำให้ กลายเป็นบริษัทโลคอลที่พร้อมปรับเปลี่ยนบริการให้เข้ากับคนไทยทันที แต่ยังไม่แผนที่จะขยายบริการออกไปในประเทศอื่นๆ

นอกจากนี้ พยายามปิดจุดอ่อนของไลน์แมน ด้วยการเพิ่มบริการอีเพย์เมนต์ ทำให้ขณะนี้ผู้ใช้บริการสามารถจ่ายเงินให้แก่ร้านอาหารที่เป็นพาร์ทเนอร์ได้มากถึง 20,000-30,000 ร้านค้า

ภารกิจไลน์แมน วงใน

ขณะที่ทิศทางธุรกิจหลังการควบรวมระหว่าง LINE MAN และ วงใน (Wongnai) แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แผนระยะสั้น ภายใน 1 ปีจากนี้จะโฟกัสที่การทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ทุกฝ่ายธุรกิจ โดยเฉพาะฟู้ดดีลิเวอรี่ ผู้ใช้งานจะได้สั่งอาาหราจากร้านที่หลากหลาย ด้วยค่าส่งฟรีระยะทาง 3 กม. ขยายพื้นที่ใ้ห้บริการจากปัจจุบัน 13 จังหวัด เป็น 20 จังหวัดภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงเตรียมจะเปิดคลาวด์ คิทเช่นเพิ่มอีก 1 แห่งที่ปทุมวันในเดือนตุลาคมนี้

หลังเปิดให้บริการแล้ว 1 แห่งที่ปุณณวิถี ส่วนพันธมิตรร้านอาหาร จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การเชื่อมต่อกับ LINE Official Account, Mini App, Smart menu POS และ Self Promotion เพื่อให้ร้านค้ามีเครื่องมือใหม่ๆในการทำตลาด

ในส่วนแผนระยะกลาง หรือแผน 3 ปีจากนี้ จะมุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มด้านอาหารอันดับ 1 ของไทย จากการสร้างอีโคซิสเท็มด้านอาหารที่ครอบคลุม

ตลาดร้านอาหารไทยใหญ่แค่ไหน

ปัจจุบันตลาดฟู้ดดีลิเวอรี่ มีมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5% ของมูลค่าตลาดรวมธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยที่มีมูลค่าประมาณ 7 แสนล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง และเชื่อว่าอนาคตสัดส่วนฟู้ดดีลิเวอรี่จะพุ่งเป็น 20-30% ของตลาดรวม เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเร่งสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดนี้เติบโต

ขณะที่สภาพการแข่งขันตลาดนี้ค่อนข้างสูงจากรายใหญ่หลายราย ส่วนใหญ่แข่งที่โปรโมชั่นส่งฟรี พื้นที่การให้บริการ ขณะที่การควบรวมระหว่างไลน์แมน กับ วงใน ทำให้มีจุดแข็งด้านร้านอาหารที่หลากหลาย โดยมีพาร์ทเนอร์กว่า 2 แสนร้านค้าและอนาคต เตรียมจะขยายให้ครอบคลุม 4 -5 แสนร้านค้าทั่วประเทศ

“จำนวนผู้เล่นตลาดตอนนี้ถือว่าเยอะมากแล้ว แต่อนาคตก็อาจจะมีรายใหม่เข้ามาอีก เนื่องจากตลาดนี้ขยายตัวต่อเนื่อง แต่จะเห็นว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ยังขาดทุน เพราะการแข่งขันสูง”

ปักหมุด “ยูนิคอร์น” เมืองไทย

“ในส่วนสัดส่วนรายได้ชัดๆ หลังจากนี้อาจจะเปิดเผยไม่ได้ แต่หลักๆ จะมีรายได้จาก 3 ส่วน คือ ฟู้ดดีลิเวอรี่ โฆษณา และบริการเครื่องมือใหม่ๆ ที่ให้แก่ร้านค้า เช่น POS Merchant เป็นต้น คาดว่าผลจากความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้บริษัทลดขาดทุนและกลับมาเติบโตได้เร็วขึ้น”

“ยอด” กล่าวว่า ที่ผ่านมาแอปพลิเคชั่นต่างๆ ทั้งโซเซียลคอมเมิร์ซ โซเซียลมีเดีย ต่างมีเจ้าตลาดเป็นแพลตฟอร์มต่างประเทศ ขณะที่สมรภูมิแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่น่าจะเป็นความท้าทายที่บริษัทไทยอย่าง ไลน์แมน วงใน น่าจะเข้าไปแข่งขัน และน่าจะกลายเป็นยูนิคอร์นของเมืองไทยได้ในอนาคต