
KBTG เพิ่มทีมขยายตลาดต่างประเทศ เดินหน้าผนึกสถาบันศึกษาเร่งสปีดนวัตกรรม พัฒนา “บล็อกเชน-คริปโท”หวังปั้นไทยเป็น “tech hub”

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกสิกร บิสซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2564 จะเร่งขยายทีมงานโดยมีแผนรับคนเพิ่มอีก 530 คน จากที่มีอยู่ 1,500 คน
รองรับขนาดธุรกิจที่ขยายใหญ่ขึ้นทั้งฝั่งธนาคารกสิกรไทยที่ขยายไปในระดับภูมิภาค จากการได้ใบอนุญาตให้เปิดสาขาที่นครโฮจิมินห์ เวียดนาม คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3
และฝั่งของ KBTG ที่บริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัด ตั้งบริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด ทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท เพื่อให้บริการโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุน
หรือการแปลงสินทรัพย์จำพวกอสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงมีบริษัทในจีนที่ชื่อ “K-TECH” พัฒนาและศึกษาเทคโนโลยีด้านฟินเทค
“เป้าหมายระยะยาว คือ ต้องการเป็น one of the world digital bank จึงเริ่มทำbenchmark กับบริษัทเทคโนโลยีและธนาคารในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ไปสู่จุดหมาย
คาดว่าใน 5 ปีจะมีผู้ใช้บริการเคแบงก์ 100 ล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากปัจจุบันที่มี 15 ล้านคนในไทย”
ที่ผ่านมาพบว่าวงการไอทีในประเทศไทยพัฒนาช้า เพราะภาครัฐใช้เวลาวิจัยนานเป็นปี ขณะที่ภาคเอกชนตั้งทีม R&D วิจัยและคิดค้นนวัตกรรมแบบรายวัน เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที
โดยยุทธศาสตร์ของ KBTG ปีนี้จะเข้าไปทำ “deep collaboration” ร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อผลิตงานวิจัยให้ทันความต้องการของตลาด เช่น นำร่องจับมือกับสถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษากว่า 9 แห่งทั่วประเทศ
ประกอบด้วยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ, สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย, คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้น และภายในสิ้นปีจะจับมือสถาบันการศึกษาเพิ่มเติมกว่า 10 แห่ง
นายเรืองโรจน์มองว่าประเทศที่กลายเป็น tech hub ของโลกเกิดจากการมีฐานรากที่แข็งแกร่ง ผ่านความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยเพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี
สำหรับบริษัทเป้าหมายสูงสุดในการจับมือในครั้งนี้ นอกจากเพื่อสร้างบุคลากรไอทีให้ตลาดแล้วยังต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีระดับโลกโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ
ปัจจุบัน KBTG มีนวัตกรรมออกสู่ตลาดแล้ว อาทิ KhunTong, Eatable, Make และเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมให้ธนาคารกสิกรไทยต่อเนื่อง อาทิ มี natural language processing” (NLP) หรือการประมวลผลภาษาไทยโดยใช้ AI ให้ฉลาดขึ้น
เพื่อให้แชตบอทและคอลเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริการ “e-KYC” เทคโนโลยียืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการทำ “smart branch” ให้บริการทางการเงินด้วยตนเองผ่านเครื่องอัตโนมัติ
ส่วนเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต เช่น ซีเคียวริตี้ ควอนตัมคอมพิวติ้ง บล็อกเชน และคริปโทเคอเรนซี กำลังเร่งพัฒนา รวมถึง “AI factory” หรือโรงงานผลิตนวัตกรรม AI ที่คาดว่าจะเป็นนวัตกรรมมาแรงในอนาคตอันใกล้ และการร่วมมือกับสถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษาจะเร่งสปีดให้ KBTG ออกนวัตกรรมได้เร็วขึ้น 3-4 เท่า