อนุทิน สั่งทุกภาคส่วนเร่งสกัดไฟป่า เตือนพวกลักลอบเผา ใช้กฎหมายบทลงโทษหนัก

anuthin

อนุทิน มท.1 ลงพื้นที่เชียงใหม่สั่ง ผู้ว่าฯ คุมสถานการณ์ ไฟป่า ยันรัฐบาลพร้อมหนุนภารกิจเต็มที่

วันที่ 10 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์หมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พันเอก สุกิจ ภิญโญ เลขานุการผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่า ร่วมลงพื้นที่

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบสิ่งของ และพบปะให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการควบคุมไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ชุดสิงห์ไฟ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ชุดเสือไฟ กรมป่าไม้ ชุดเหยี่ยวไฟ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และชุดปฏิบัติการลาดตระเวนและดับไฟป่า กองทัพภาค 3

นายอนุทินกล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ในวันนี้ด้วยความเป็นห่วง และความปรารถนาดี โดยทุกคนที่อยู่ส่วนกลางมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนเร่งเดินทางลงพื้นที่พร้อมทั้งได้แสดงความชื่นชมและให้กำลังใจทุกคนที่ได้มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจด้วยความทุ่มเทเสียสละ

และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในทุกวิถีทางที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี ซึ่งแม้ว่าจะมีความเสี่ยงในการปฏิบัติภารกิจ ทั้งเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย แต่ทุกคนยังยืนหยัด พร้อมทุ่มเทเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ เพราะเป็นการปฏิบัติงานที่เสี่ยงเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน เพื่อบ้านเมือง ดังที่ทุกคนตั้งใจเข้ามารับราชการ

“วันนี้ผมได้เห็นความพร้อมทั้งจากการสรุปสถานการณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตลอดจนได้เห็นด้วยสายตาตนเองในความพร้อมของทุกคน โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้ตรวจราชการกระทรวงต่าง ๆ มาบัญชาการสถานการณ์

โดยมีทรัพยากรในการปฏิบัติภารกิจ เช่น เครื่องบินปีกหมุน ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ในการป้องกันบรรเทาไฟป่า โดยรัฐบาลจะอยู่เคียงข้างอย่างต่อเนื่องจนกว่าเราจะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ ขณะเดียวกันเราใช้องคาพยพทุกวิถีทางอย่างเต็มที่่ในการหาวิธีป้องกันและลดความรุนแรงของไฟฟ้า” นายอนุทินกล่าว

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางไปยังศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลสถานการณ์หมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

นายอนุทินกล่าวมอบแนวทางการดำเนินงานว่า ทุกคนต่อสู้กับปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) มาโดยตลอด บางพื้นที่สามารถควบคุมได้ บางพื้นที่เกินความสามารถในการควบคุม เพราะเป็นภัยธรรมชาติ ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ปฏิบัติงานจะเอาชนะธรรมชาติไม่ได้ แต่สามารถหาวิธีการอยู่รอดได้

ทั้งนี้ จากหลายสาเหตุที่ทราบมา รวมถึงสถานการณ์ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ในเรื่องนี้ทางรัฐบาลได้ดำเนินการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่มีการเกรงใจพ่อค้าหรือนายทุนต่าง ๆ ที่แม้จะเป็นคนไทยแต่ไปสนับสนุนการปลูกพืชไร่ในประเทศเพื่อนบ้านแล้วให้ทำการเผา แล้วฝุ่นละอองทั้งหลายก็ข้ามมาประเทศไทย รัฐบาลจะไม่ลดลาวาศอกในเรื่องนี้

“ในส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ตลอดจนถึงทุกหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ต้องพิจารณาตัดสินใจใช้ความเข้มงวดตามมาตรการกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้ที่ยังคิดจะเผาป่า เพียงเพราะเพื่อประโยชน์ในการทำพืชไร่ของตนเอง โดยไม่คำนึงว่าทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม”

นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะทัพหน้า ได้เดินหน้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนและสุขภาพอนามัยเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันอย่างเข้มข้นทุกวิถีทาง

สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว ขอให้ร่วมกันถอดบทเรียน นำผลจากการปฏิบัติไปดำเนินการปรับแผนเผชิญเหตุในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนตั้งแต่นายกรัฐมนตรีได้ให้การสนับสนุนงบกลางในการใช้ค่าน้ำมันอากาศยานเพื่อแก้ปัญหาดับไฟป่า ขณะเดียวกันส่วนกลางโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมจะสนับสนุนอุปกรณ์ ทรัพยากรกำลังคน ทรัพยากรต่าง ๆ อย่างเต็มที่

“เรื่องสำคัญคือเรื่องการสื่อสาร เมื่อมีการกระจายข่าวสารในวงกว้าง จะมีข้อสงสัย ข้อกังขา ขอย้ำว่า เราต้องอดทน เรามีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่ป้องกันป่า ป้องกันไฟ เราเป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์ ไม่มีใครจะบริหารสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ดีกว่าเรา

และขอให้ชี้แจงตามกระบวนการขั้นตอน ตามหลัก 3H : What บอกความจริงกับประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้น How สื่อสารอย่างไรให้กระชับ ได้ใจความ เข้าใจง่าย When ต้องคาดการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บอกให้ประชาชนรู้ว่ามันจะอยู่อีกนานเท่าไร แล้วต้องปฏิบัติตนอย่างไร ที่สำคัญต้องทันท่วงที” นายอนุทินกล่าว