ศรชล.เขต 3 วางแนวทางคุมเรือท่องเที่ยว เล็งนำร่องภูเก็ต หวังลดอุบัติภัยทางทะเล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ค.61) พล.ร.ท.สมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือล่มเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ในฐานะเป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ศรชล.เขต 3) ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย กองทัพเรือ กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมศุลกากร กรมเจ้าท่า กรมประมง และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการดำเนินการแก้ปัญหาของงานต่างๆ ตั้งแต่การออกจากท่าเรือ ร่วมมือกับกรมประมงกวดขันอาชญาบัตรต่าง ๆ ที่กัปตันเรือต้องมี จำนวนนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน เส้นทางการท่องเที่ยวไปที่ใดบ้าง จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวขัองแบ่งกันทำหน้าที่ต่างๆ เพิ่มความระมัดระวัง แจ้งเตือนให้รีบกลับหากเกิดสภาพอากาศไม่ดี ซึ่งเป็นมาตรการขั้นต้นที่เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

โดยในช่วงบ่ายจะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรมได้รวดเร็วมากขึ้น แม้ว่ากฎหมายต่างๆ ต้องมีการปรับปรุงในภายภาคหน้า แต่ต้องทำวันนี้ในรูปแบบนี้ก่อน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นกับรัฐบาลในการทำงาน ซึ่งกองทัพเรือให้ความสำคัญสิ่งเหล่านี้มาก โชคดีที่มี 6 หน่วยงานร่วมทำงานใน ศรชล.เขต 3 จึงทำให้การวางแนวทางใหม่ในการปฏิบัติกับเรือท่องเที่ยวน่าจะราบรื่นและทำได้ไม่น่ามีปัญหา

ทั้งนี้ อันดับแรกคือ เจ้าท่าต้องกำหนดท่าเรือที่จะให้เรือท่องเที่ยวออกเรือก่อน เพื่อเกิดความคล่องตัว สามารถควบคุมได้ การออกเรือไปนั้นต้องมีการกำกับดูแลทั้งหมดและสามารถตรวจสอบได้ รวมถึงสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ทั้งหมด อาจใช้แนวทางของ PIPO เพื่อปรับใช้กับเรือท่องเที่ยว ซึ่งหน่วยงาน 6 หน่วยภายใต้ ศรชล.เขต 3 ทำงานนี้กับเรือประมงอยู่แล้ว คาดว่าไม่น่ายากต่อการดำเนินการปฏิบัติดังกล่าว เพราะว่าปัญหาในปัจจุบันไม่ทราบจำนวนนักท่องเที่ยวในการเดินทางทางทะเลที่ชัดเจน จึงตั้งใจทำให้เกิดความปลอดภัย เราห่วงประเทศไทยและคนไทยที่ทำอาชีพนี้ อาจมีคนที่เสียประโยชน์บ้าง อาจยุ่งยากบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วแก้ไขยาก

“ถ้าได้ทำตามแนวคิดนี้ คาดว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนในการปรับการทำงาน ทำให้การช่วยเหลือค้นหาเมื่อเกิดประสบภัยขึ้นไม่เกิดความสับสนในตัวเลขและข้อมูลนักท่องเที่ยว หากเรือท่องเที่ยวลำใดไม่ออกเรือตามท่าเรือที่กำหนดถือว่าผิดกฎหมาย ต้องให้เจ้าท่าประกาศว่าจะให้เรือท่องเที่ยวออกท่าเรือใดได้บ้าง เช่น ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรืออ่าวปอ ต้องมีมาตรการออกมานำมาปรับใช้ให้ถูกต้อง การทำงานจะได้สมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งการปรับแนวทางใช้กับเรือท่องเที่ยว อาจทำให้ท่าเรือเล็กๆ เดือดร้อน” พล.ร.ท.สมนึกกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น จะเริ่มดำเนินการที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก จากนั้นขยายผลการปฏิบัติไปยังจังหวัดต่างๆ ภายใต้ความรับผิดชอบพื้นที่ของ ศรชล.เขต 3 ที่รับผิดชอบพื้นที่ 6 จังหวัดทางฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ต้องมีการหารือทั้ง 6 จังหวัด ขณะเดียวกันจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้เริ่มปฏิบัติกันบ้างแล้ว แต่ ศรชล.เขต 3 จะกำกับเป็นรูปธรรมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป