“ค้าปลีก-ห้างร้าน” หาดใหญ่ยอดร่วง เจอ 2 เด้งกำลังซื้อไม่ฟื้นราคายางวูบ-มาเลย์เที่ยวน้อย

ค้าปลีก ร้านอาหาร โรงแรมเมืองหาดใหญ่ซบเซาหนัก แม่ค้าตลาดไนท์พลาซ่าเกือบ 1,000 ล็อกนั่งตบยุง ยอดขายวูบกว่า 50% เหตุกำลังซื้อคนไทยทรุดจากราคายางพาราตกต่ำ ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียหดหาย เงินริงกิตอ่อนค่า ใช้จ่ายน้อยลง ร้านค้าทยอยปิดกิจการ เซ้งร้าน

นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และเจ้าของห้างเคแอนด์เค ซุปเปอร์ค้าส่ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ภาวะการค้าปลีกโดยรวมของหาดใหญ่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558 ประมาณ 5% และปีที่แล้ว 2559 ประมาณ 11% และสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ลดลงประมาณ 23% สำหรับกิจการค้าส่งของตนยอดขายลดลงไปกว่า 20% ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาคค้าขายปลีกคือราคายางพาราตกต่ำต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีนี้ รวมทั้งสาเหตุจากนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียมีการจับจ่ายน้อยลง

สำหรับยอดขายสินค้าที่ลดลงมากที่สุดคือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยผู้บริโภคหันไปซื้อชิ้นเล็กมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าทิศทางค้าปลีกน่าจะดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ ซึ่งภาครัฐและเอกชน/ซัพพลายเออร์ จะต้องร่วมกันจัดกิจกรรม/อีเวนต์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว การบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยด้วย

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ (ธปท.) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ ไตรมาส 2 ปี 2560 ในด้านการอุปโภคบริโภคขยายตัวชะลอลงตามการชะลอตัวของยอดขายสินค้าในห้างค้า ปลีกขนาดใหญ่ เนื่องจากประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้นอกภาคเกษตรที่ค่อนข้างทรงตัว

ด้านนายสุทัศน์ ไชยเพชร เจ้าของร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปในตลาดไนท์พลาซ่า บริเวณสถานีขนส่งหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า ตลาดไนท์พลาซ่า เป็นตลาดนัดกลางคืนขนาดใหญ่เปิดดำเนินการมาร่วม 20 ปี บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โดยมีล็อกจำหน่ายสินค้าทุกประเภท ร้านอาหาร ฯลฯ เกือบ 1,000 ล็อก เป็นที่นิยมของชาวไทย และชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย เป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการเกือบ 50% ซึ่งในช่วงสถานการณ์ปกติ สามารถทำยอดขายเฉลี่ยได้วันละกว่า 1 ล้านบาท หรือประมาณ 40 ล้านบาทต่อเดือน

ปัจจุบันสถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก เพราะยอดขายของร้านค้าต่าง ๆ ตกลงมากไม่ต่ำกว่า 50% และในบางวันพ่อค้าแม่ค้าบางรายขายสินค้าไม่ได้เลย ซึ่งสภาพเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่ค่าเงินริงกิตของมาเลเซีย อ่อนค่าลงมาอยู่ในอัตรา 7.70 บาทต่อริงกิต ซึ่งรัฐบาลควรหาวิธีที่จะอำนวยความสะดวกให้ชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์เข้ามาใช้จ่ายเงินในหาดใหญ่ให้มากขึ้น

เช่นเดียวกับนายขจร มุสิกะ เจ้าของร้านเอ็นดูมินิมาร์ท อ.หาดใหญ่ กล่าวว่า ภาพรวมค้าปลีกขนาดเล็ก/รายย่อย ยอดขายตกไปกว่า 50% เนื่องจากผู้บริโภคประหยัดการใช้จ่ายและไม่มีกำลังซื้อ เพราะราคายางพาราไม่ดี รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวน้อย ซึ่งร้านค้าส่วนหนึ่งได้ทยอยปิดตัว และเซ้งร้าน

ด้านผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารใน อ.หาดใหญ่ กล่าวว่า ภาวะการค้าขายในหาดใหญ่และธุรกิจท่องเที่ยวด่านนอก เทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา แนวพรมแดนไทย-มาเลเซียซบเซาหนัก โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารจุ๋มจิ่ม ร้านหมูกระทะ ร้านก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ แผงผลไม้ ร้านเสื้อผ้า มินิมาร์ต ไนท์พลาซ่า รวมทั้งกิจการโรงแรม ซึ่งเป็นผลสะเทือนจากเศรษฐกิจในประเทศมาเลเซียชะลอตัวและค่าเงินริงกิตตกต่ำ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวหาดใหญ่น้อยลงและมีการจับจ่ายลดลงเช่นกัน อีกทั้งยังมีอุปสรรคด้านการอำนวยความสะดวกการเข้าออกบริเวณด่านพรมแดนด้วย